MTL ชูกลยุทธ์ ‘บูสท์ความสุขให้ลูกค้าด้วยคนของบริษัทฯ’ – ตอกย้ำ ‘ผู้นำแบรนด์’ สร้างสุข/รอยยิ้มที่ยั่งยืน

“Boost Your Happiness by Our People” กลยุทธ์เด็ดที่ค่ายเมืองไทยประกันชีวิต (MTL) จะนำมา “บูสท์ความสุขของคุณ (ลูกค้า) ด้วยคนของเรา ในปี 2568 นี้ ผ่านความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต และประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนารอบด้านอย่างมั่นคงและยั่งยืน ย้ำ! ลูกค้าคือคนสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ตั้งเป้ากระจาย “สีบานเย็น” สะพรั่งทั่วไทย

“Boost Your Happiness by Our People” แปลในความหมายของ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) ก็คือ การบูสท์ความสุขของคุณ (ลูกค้า) ด้วยคนของเมืองไทยประกันชีวิต

นับเป็น กลยุทธ์ทางการตลาดที่ชัดเจน! ที่บริษัทประกันชีวิตแห่งนี้ ได้นำมาใช้นับแต่ในอดีต และต่อยอดเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

นายสาระ ย้อนรอยการดำเนินงานในปี 2567 ว่า…เมืองไทยประกันชีวิต ได้เดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม มุ่งตอบโจทย์ทุกความเป็นคุณ ในทุกช่วงของชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเราขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและไว้วางใจจาก “ลูกค้าคนสำคัญ” ที่ทำให้ใน ปีที่ผ่านมาเมืองไทยประกันชีวิตมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 71,800  ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโต 13%  ซึ่งเป็นการเติบโตใน กลุ่มสินค้าหลัก อาทิ Shield Life (ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบภายในระยะเวลาและประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์) เติบโต 42% และแบบประกันคุ้มครอง โรคร้ายแรง (รายเดี่ยว) เติบโต 24% เป็นต้น ด้านคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงขึ้นจาก  58 คะแนน เป็น 75 คะแนน ขณะที่ธุรกิจในภูมิภาค CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง” 

โดย บริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2567 มากกว่า 350% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดที่ 140% และยังได้รับ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และความแข็งแกร่งทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ (Stable Outlook)  และ Fitch Ratings ที่ระดับ A- รวมถึงระดับบ AAA(tha) (Stable Outlook)

สำหรับในปี  2568 เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงตอกย้ำตัวตนในการเป็น แบรนด์แห่งการสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง  พร้อมยกระดับการส่งมอบความสุขผ่านกลยุทธ์ “Boost Your Happiness by Our People” ด้วยการเดินหน้าพัฒนาองค์กรในทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกท่านด้วย ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism & Expertise) ความโปร่งใสและความสะดวกสบาย (Transparency & Convenience)  และ ความไว้วางใจ (Commitment & Trust) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต ประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และ คำมั่นสัญญาตลอดชีวิต (Lifelong Commitment) ผสานกันอย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ในทุกความเป็นคุณ  

ทั้งนี้ บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาองค์กรทุกภาคส่วน ด้วยการพัฒนาพนักงาน และฝ่ายขายให้มีความสามารถรอบด้าน เพิ่มทักษะการใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ผสมผสานอยู่ในทุกกระบวนการทำงาน (Data & AI Literacy) ทักษะด้านการสื่อสารและการบริหาร (Soft Skills) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Knowledge) และ ความเชี่ยวชาญในหลายมิติ (Cross-Domain Expert Knowledge)  ควบคู่ไปกับ สร้างความสุขจากภายในองค์กร ให้กับ “คนของเรา” ที่มีความหลากหลายให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ “การส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าคนสำคัญ”

โดยคนของเรา…พร้อมส่งมอบความสุขให้แก่ลูกค้าผ่านการวางแผนสำหรับทุกช่วงของชีวิต ทั้งการวางแผนทางการเงิน การวางแผนเกษียณ การวางแผนสุขภาพ และการวางแผนมรดก ด้วยความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิตควบการลงทุน  รวมถึงฟีเจอร์พิเศษทั้งความยืดหยุ่นด้วยรูปแบบความคุ้มครองที่ปรับแต่งได้ (Modular Design)  ความคุ้มครองที่ปรับได้ตามช่วงชีวิตของลูกค้า (Convertible Option) และการเติมเต็มความคุ้มครองที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น (Plus)

คนของเรา…พร้อมส่งต่อประสบการณ์ไร้รอยต่อผ่านบริการในช่องทางต่าง ๆ ตั้งแต่การซื้อประกันภัยที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนได้ทุกที่ทุกเวลา  ทั้งช่องทางตัวแทน ช่องทางธนาคาร ช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ ช่องทางออนไลน์ และพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ  รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจรและเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็น ช่องทางสาขา Call Center 1766  แอปพลิเคชัน MTL Click   เมืองไทยสไมล์คลับ และ MTL Fit  เป็นต้น นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้รับความสะดวกสบายด้วยการทำธุรกรรมทางกรมธรรม์ และบริการหลังการขายไม่ว่าจะเป็นระบบ e-Payment  หรือ  e-Document เป็นต้น 

นายสาระ กล่าวว่า  ธุรกิจประกันชีวิต เป็นธุรกิจที่ให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้าในระยะยาว ดังนั้น เมืองไทยประกันชีวิตจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกก้าว  ภายใต้การกำกับดูแลกิจการ และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาล (ESG) โดยเฉพาะในส่วนของ มิติสังคม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาแบบประกันภัยที่ช่วยตอบโจทย์การเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) พร้อมสร้างความรู้ด้านการวางแผนการเงินและประกันภัย (Financial & Insurance Literacy) ให้กับประชาชนทั่วไป และการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน 

ด้าน มิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิตในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ได้ร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านโลกของเรา ประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของบริษัทฯ  (ขอบแขตที่ 1 และ 2)* ภายในปี 2573 (2030) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานภายในบริษัทฯ 

ในปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นปีที่ สีบานเย็นจะบานสะพรั่งทั่วประเทศ โดยเมืองไทยประกันชีวิตจะยกระดับความสุขให้กับทุกคน ทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ พนักงานและฝ่ายขายของเรา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขายต่าง ๆ   สีบานเย็นจะรวมพลังกันอย่างแข็งแกร่ง เพื่อส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้าคนสำคัญของเราทุกคน” นายสาระ กล่าวสรุป. 


หมายเหตุ *คำจำกัดความเรื่องการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

ขอบเขตที่ 1 ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรโดยตรง (Direct Emissions) ได้แก่ การเผาไหม้อยู่กับที่ อาทิ เครื่องจักร การเผาไหม้ที่มีการเคลื่อนที่ อาทิ การใช้พาหนะขององค์กร (ที่องค์กรเป็นเจ้าของเอง) และการรั่วซึม/รั่วไหลของสารเคมีจากกระบวนการหรือกิจกรรม เป็นต้น

ขอบเขตที่ 2 ปริมาณก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emissions) ได้แก่ การซื้อพลังงานมาใช้ในองค์กร อาทิ พลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานนำเข้าอื่น ๆ เช่น ไอน้ำ ความร้อน ความเย็น อากาศอัด เป็นต้น

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password