ซอฟท์ พาเวอร์…อาหารไทย…เมืองดาวอส…นายกฯแพทองธาร…‘มาถูกที่ถูกเวลา!’

“ผู้นำรัฐบาล” ของหลายประเทศ อยากเป็นและมี…อย่างที่ประเทศไทยมีและเป็น!!??

อะไรคือ…สิ่งที่ประเทศไทย “มีและเป็น?”

คำตอบที่พอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ การที่ประเทศไทยตั้งอยู่ใน “จุดยุทธศาสตร์” ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนได้ชื่อว่าเป็น “ศูนย์กลางของภูมิภาค” อย่างแท้จริง! ทั้งในแง่ของ…การเดินทางทางบก (ถนนและรถไฟ) ทางน้ำ และทางอากาศ

การมีธรรมชาติที่สวยงาม…ภูเขา ทะเล น้ำตก ป่าไม้ สัตว์ป่า ฯลฯ และ สิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ทั้งตัวอาคารสถานที่และวัฒนธรรมที่สืบสานและตกทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ วัด, วัง รวมถึงศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมประเพณีที่ดีงาม และอื่นๆ ที่ต่างชาติเห็นแล้วก็หลงใหล…ได้ปลื้ม!

ไม่เว้นแม้กระทั่ง ศิลปะป้องกันตัว (มวยไทย), นวดไทย, อาหารไทย, มารยาทไทยอันงดงาม และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยเฉพาะกับ อาหารไทย ที่วันนี้…ได้กลายเป็น “อาหารของคนทั่วโลก” ไปแล้ว สิ่งนี้…ถือเป็น “ซอฟท์ พาวเวอร์” ที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะ “รัฐบาลแพทองธาร” หมายหมั้นปั้นมือจะใช้เป็นช่องทาง สร้างทั้งเงิน (รายได้) และกล่อง (ชื่อเสียง) ไปในคราวเดียวกัน

ระหว่างที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะ “ตัวแทนรัฐบาลไทย” ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เพื่อเข้าร่วมประชุม World Economic Forum ประจำปี ค.ศ. 2025 (WEF Annual Meeting 2025) อยู่นั้น

คณะของนายกรัฐมนตรี ก็ไม่พลาดที่จะแสดงศักยภาพของ “ซอฟท์ พาวเวอร์” จากดินแดนแห่งรอยยิ้ม กับภารกิจในการกล่าวเปิดงาน Thailand Reception เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 22 มกราคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยย้ำว่า…“ยินดีที่ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองดาวอส พร้อมทั้งขอบคุณพันธมิตรไทยที่ให้การสนับสนุนการจัดงาน Thailand Reception ในครั้งนี้”

นางสาวแพทองธาร ยังได้เน้นย้ำถึง ความงดงามและจิตวิญญาณของประเทศไทย ตลอดจนความแข็งแกร่งของไทย ทั้งในด้าน Soft Power เศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมถึงอาหารไทย ซึ่งมีชื่อเสียงด้านความหลากหลายและรสชาติที่ลงตัว อีกทั้งแฝงไปด้วยภูมิปัญญาและความพิถีพิถันของบรรพบุรุษ ซึ่งนำมาต่อยอดผสมผสานความทันสมัยและนวัตกรรม เพื่อรองรับความต้องการด้านอาหารที่หลากหลายในโลก

ซึ่งไทยมุ่งมั่น “หล่อเลี้ยงอนาคตสำหรับทุกคน”

เธอย้ำว่า…อาหาร ไม่เพียงแต่เป็นการบำรุงร่างกาย แต่ยังเป็นการเพิ่มพลังให้กับการใช้ชีวิต (medicine for the soul) และสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของคนไทย พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณเชฟและทีมงานจาก มูลนิธิ Chef Cares ประเทศไทย ที่มีส่วนร่วมในการจัดเตรียมอาหารในวันนี้ พร้อมเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานร่วมเดินทางสัมผัสประสบการณ์กับการรับประทานอาหารไทย ซึ่งไม่เพียงแค่การลิ้มรส แต่ยังได้เข้าถึงแก่นแท้ของ ความเป็นไทย และความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ทั้งแร่ธาตุในดินและสมุนไพรมากมาย ซึ่งทำให้วัตถุดิบต่างๆของไทยมีคุณภาพสูง มีประโยชน์ด้านสุขภาพ เช่นเมนูต้มยำกุ้งของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก องค์การ UNESCO ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ สะท้อนว่าอาหารไทยไม่เพียงอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ประเทศไทยกำลังพัฒนาในภาคเกษตรกรรม โดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI, หุ่นยนต์ และการเกษตรแม่นยำ เพื่อเพิ่มคุณภาพ ลดขยะ และเพิ่มผลผลิต โดยไทยกำลังลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยีทางด้านการเกษตรและอาหาร (agri-food tech innovations) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ภาคเกษตรกรรมของไทยจะมีความยืดหยุ่น ยั่งยืน และพร้อมสำหรับอนาคต

นอกจากนี้ ไทยยังพร้อมเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในระดับโลก พร้อมเชิญชวนให้ผู้ลงทุนพิจารณาไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการลงทุน เนื่องจากประเทศไทยเต็มไปด้วยโอกาสและศักยภาพทางเศรษฐกิจ “ลงทุนในประเทศไทย ลงทุนในอนาคต” เริ่มต้นการเดินทางที่น่าจดจำไปด้วยกัน  

ถึงบรรทัดนี้ ก็ต้องบอกว่า…ไม่ใช่เรื่องง่ายที่รัฐบาลของประเทศไหนๆ จะทำตามหรือคิดเลียนแบบประเทศไทย เพราะไม่เพียงจะทำเลียนแบบได้อย่างยิ่งแล้วเท่านั้น หากแต่บางอย่างที่มันฝังลึกอยู่ในสายเลือดไทยเท่านั้น ไม่ว่าเป็นความ… “ยิ้มแย้มแจ่มใส” “ไม่มีพิษภัย” “ต้อนรับขับสู้” “จริงใจและช่วยเหลือ” สารพัดสิ่งดีๆ ที่ยากจะหาจาก DNA” ของชนชาติใด?

นาทีนี้…หาก รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ นายกฯแพทองธาร จะใช้ อาหารไทย เป็นอีกสัญลักษณ์นำร่องของ “ซอฟท์ พาวเวอร์” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเม็ดเงินลงทุน สร้างเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ล่ะก็

ถือว่า…มาถูกที่ถูกเวลาโดยแท้!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password