4 เหตุผลที่ต้องฟัง ‘ทักษิณ’ พูด!

นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวปาฐกถาในงาน Dinner Talk Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market” ของ เครือ นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 มกราคม 2568 ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ

หัวข้อถูกกำหนดเป็นโจทย์ของงานนี้ คือ “Chay with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” ด้วย “ผู้จัดงาน” ภายใต้การนำของ นายชาญชัย สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการเครือ นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ คาดหวังจะให้ นายทักษิณ ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการฟื้นฟูความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย รวมถึงแนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อให้เกิดการยอมรับในระดับสากล

“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” คงไม่ต้องนำเสนอประเด็นรายละเอียดของเนื้อหาข่าวบนเวที แต่ที่อยากจะหยิบยกมาเป็นประเด็นข้อสังเกต เพราะคิดว่ามันน่าสนใจและอาจแตกต่างไปจากสื่ออื่นๆ นั่นคือ…

ทำไมสังคมไทย ต้องฟัง “ทักษิณ” ด้วย!!?? คำตอบที่พอจะสรุปได้ คงไม่พ้น เพราะ…

1.นายทักษิณ คือ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอดีต ก่อนมาเล่นการเมือง มีประสบการณ์ตรงและอ้อม ผ่านการเจรจาบนดิน ใต้ดิน และในอากาศมาแล้วมากมาย

2.เป็นนักการเมืองที่ขึ้นไปสู่ “จุดสูงสุด” ได้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ที่อยู่บริหารประเทศจนครบวาระ 4 ปี (2544-2548) โดยสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในวงกว้าง และบางนโยบายยังดำรงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะ “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ที่วันนี้…เปลี่ยนเป็น “30 บาทรักษาทุกที่” ไปแล้ว

3.เป็น “คุณพ่อ” ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน “แพทองธาร ชินวัตร” อีกทั้งยังเป็น “ผู้มากบารมี” ของพรรคเพื่อไทย ที่ทุกความคิดและข้อเสนอใดๆ อาจมีผลต่อการกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งในมิติที่… (1) สั่งแล้วต้องทำ (2) เสนอให้คิดและทำ (3) ขยายผลนโยบายรัฐบาล ที่กำลังจะทำหรือทำไปแล้ว สุดท้าย…(4) เสนอให้สังคมไทยได้นำไปคิด ขยายผล และเอาไปทำต่อ

4.ปัจจุบัน เขาเป็น “นักล็อบบี้ยีสต์ระดับโลก” ที่มากบารมีและมีคอนเน็กชั่น อยู่กับ “ผู้นำ” และ “ผู้ทรงอิทธิพล” ในระดับนานาชาติมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจหาก นายทักษิณ จะถูกเลือกให้ไปดำรงตำแหน่งเป็น “ที่ปรึกษาส่วนตัว” ของ “ประธานอาเซียนคนใหม่ (นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย)

สังคมไทยจึงมักได้เห็น…ทุกเวทีที่ “สื่อมวลชนกระแสหลัก” จัดงานในลักษณะ “ดินเนอร์ทอล์ค” โดยมี นายทักษิณ เป็น คนกล่าวปาฐกถา แล้วจะมี…คนระดับ “เบอร์ต้นๆ” ในแวดวงต่างๆ ของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น…นักการเมือง ข้าราชการประจำ นักธุรกิจรายใหญ่ นักลงทุนรายยักษ์ และ บิ๊กสื่อมวลชน เข้าร่วมงานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

เรียกว่า…หสกอยากไป “กระทบไหล่คนดัง” มากันได้เลยกับงานในลักษณะนี้

ลองหันไปส่องสำรวจในบางประเด็นที่ “ทักษิณ” พูดบนเวทีดังกล่าว เพราะมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ โดยอาจต้องเกาะติดและคอยตามดูกันต่อไป…  

มองในภาพใหญ่ก่อนนายทักษิณ มั่นใจว่า สิ่งที่ “รัฐบาลแพทองธาร” กำลังดำเนินการและเตรียมจะดำเนินการในอนาคตอันใกล้ ย่อมจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เฉพาะ ปี 2567 ที่ผ่านมา ตัวเลขจีดีพี ที่ยังไม่ข้อสรุปชัดเจน แต่เขาเชื่อว่า…การเติบโตคงไม่ใช่ 2% ปลายๆ อย่างที่หลายฝ่ายมองกัน แต่น่าจะอยู่ที่ 3% นิดๆ

และ ในปี 2568 ตัวเลขจีดีพีของไทย ก็น่าจะโตที่ระดับ 3% ปลายๆ และ จะไต่ระดับขึ้น 4% ในปี 2569 พอถึง ปี 2570 จีดีพีของไทย ก็น่าจะอยู่ในระดับ 5% ได้ไม่ยาก

แต่…แต่…แต่…ทุกฝ่ายต้อง “ร่วมด้วยช่วยกัน” โดยเฉพาะ หน่วยงานมันสมองทางด้านเศรษฐกิจ อย่าง…สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สังกัดกระทรวงการคลัง) สภาพัฒน์ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องหันมาพูดคุยหารือกันให้มากๆ

กระนั้น นายทักษิณ อดไม่ได้ที่จะแขวะไปยัง ธปท. ทำนอง…อย่าทำตัวเป็น “เอกเทศ” ปิดกั้นตัวเอง โดยไม่คิดจะพูดคุยหารือกับหน่วยงานใด

สำคัญกว่านั้น…ขาประจำ ทั้ง กลุ่มนักวิชาการ สื่อ และนักเคลื่อนไหวในทางการเมือง จะต้องเปิดโอกาสให้ “รัฐบาลแพทองธาร” ได้ดำเนินการตามนโยบายในช่วงเวลา 2 ปีเศษที่เหลือ ชนิด…ขออย่าได้ขัดขากัน!

มีหลายเรื่องใหม่ๆ ที่แม้บางเรื่องอาจมีการสื่อสารออกไปบ้างแล้ว แต่เพราะเวทีดังกล่าว ถูกจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2568 จึงนับเป็นการสรุป ขัดเกลาความคิดและข้อเสนอ รวมถึงหาข้อมูลใหม่ๆ มานำเสนอถึงกันในเวทีนี้…

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง…บิทคอยน์(คริปโตเคอเรนซี่) และ แซนด์บลอก” ที่รัฐบาลเตรียมจะนำร่องใช้กับจังหวัดภูเก็ต รองรับการใช้จ่ายของเศรษฐี…มหาเศรษฐี และอภิมหาเศรษฐีระดับโลก ในไทย โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็จะต้องปรับตัว…เปิดรับ “กระแสใหม่” ของโลก ผ่านสายงานดิจิทัล

นายทักษิณ ยังบอกอีกว่า…ตัวเขาได้คุณกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ถึงเรื่องคริปโตเคอเรนซี่” และ แซนด์บลอก” แล้ว มีแนวโน้มสูงที่รัฐบาลจะทำเรื่องนี้ พร้อมกับขอบคุณรัฐบาลที่แล้วที่ได้ปูทางนำรองในเรื่องแซนด์บลอก” เอาไว้แล้ว

โดยเฉพาะ “แซนด์บลอก” ยังสามารถขยายผลนำไปใช้ได้กับอีกหลายกิจกรรม ที่เห็นชัดคือ การนำธุรกิจพนันผิดกฎหมายขึ้นมาไว้บนดิน รวมถึง “บ่อนคาสิโนผิดกฎหมาย” ที่จะมีสัดส่วนมากถึง 10% ในกลุ่มเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ นโยบายใหม่ที่รัฐบาลคาดหวังจะสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าประเทศ และเพิ่งจะผ่านความเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับ ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน

นายทักษิณ แสดงความเห็นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…ทุกวันนี้ เม็ดเงินของการพนันผิดกฎหมายในไทยมีสูงมาก หากไม่ทำอะไร? รัฐบาลก็ไม่มีรายได้ใหม่ๆ ประเทศไทยก็จะขาดเงินมาพัฒนาประเทศ โอกาสของคนไทยก็น้อยลง คนในแวดวงการพนันผิดกฎหมาย ก็ยังอยู่ดีมีสุข เพียงแค่จ่ายเงินสีเทาให้กับตำรวจสีเทา ก็เท่านั้น

ดังนั้น หากเมืองไทย…มีเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ (man-made destinations) ก็จะมีเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาลงทุนในธุรกิจมากถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี และรัฐบาลจะมีรายได้ภาษี 20% มากถึงปีละ 1 แสนล้านบาท  

อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะมันเป็นการ “ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว” นั่นคือ แนวคิดการถมทะเล สร้างเมืองใหม่และยังเป็นการวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯได้อีก นายทักษิณ หมายถึงแนวคิดนโยบายเกี่ยวกับ “กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ 99 ปี” เปิดทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาใช้พื้นที่ในประเทศไทยเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัย

หากมีกฎหมายนี้ แนวคิดที่จะถมทะเล สร้างเมืองใหม่ ก็ไม่ไกลเกินฝัน เพราะต่างชาติเอง ก็จะมีหลักประกันจากการลงทุนในระยะยาว ขณะที่ไทย…ก็จะได้โครงการตามนโยบาย โดยไม่ต้องลงทุนสักบาทเดียว เมื่อครบกำหนด 99 ปี ทุกอย่างก็กลับมาเป็นของไทยเช่นเดิม

แต่ กระทรวงคมนาคม อาจต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ การขุดดินเอาไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ต้องไม่เปิดช่องให้มีการนำดินที่ได้จากการขุดไปส่งขายต่างประเทศ และเรื่องนี้ ยังช่วยทำให้แม่น้ำเจ้าพระยามีความลึก รองรับฤดูน้ำหลาก และมีน้ำเพียงพอในฤดูแล้ง

ยังมีอีกหลายเรื่องที่ นายทักษิณ พูดเอาไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ แนวคิดในการลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย, แนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5, การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น ยาและเวชภัณฑ์, AI, เซมิคอนดักเตอร์, ซอฟท์ พาวเวอร์, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว, การเพิ่มรายได้ให้ชาวในต่างจังหวัดแก้ปัญหาคนไม่มีเงิน เป็นต้น  

เพียงแต่ “ทีมข่าวยุทธศาตร์” มิอาจจะนำเสนอได้หมด หากใครสนใจลองไปหาอ่านตาม “สื่อกระแสหลัก” ต่างๆ ได้เลย หรือจะรออ่านจาก สื่อในเครือ นสพ.ข่าวหุ้น ที่เห็นว่า…ฉบับวันพรุ่งนี้ (16) จะพิเศษตรงที่มีการนำเสนอรายละเอียดการจัดงานฯ เรียกว่า…ทั้งภาพและเนื้อหา มีให้ชมและอ่านอย่างครบครัน

แน่นอน…ยามนี้ สังคมไทยคงต้องจับจ้องสถานการณ์เศรษฐกิจ ผ่านตลาดหุ้นไทย ภายหลังการปาฐกถาของ นายทักษิณ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง???

บ่ายๆ วันนี้ หลังปิดตลาดหุ้น ไปลุ้นกันดูสิว่า…ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เป็น “กระทิง” (ปิดบวก) หรือ “หมี” (ติดลบ) อีกไม่กี่ชั่วโมง เราคงได้รู้กันแล้ว!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password