นโยบายรัฐ…นโยบายหาเสียง คิดให้ลึก! ชาติและประชาชนได้คุ้มเสียไหม?
“นายกฯอิ๊ง” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร “คุณแม่ลูก 2” กลายเป็นขวัญใจของเด็กๆ ไปแล้ว สำหรับการจัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
สำนวน “เด็กในวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า” หรือหากเป็นคนที่มี ความคิดเชิง “เนกาทีฟ” เล็กน้อย อาจมองไกลไปถึงวลีที่ว่า…“เด็กในวันนี้ คือฐานเสียงการเมืองในวันข้างหน้า” ก็คงไม่แปลกอะไร
แต่ลึกกว่านั้น ด้วยความที่ เด็กในหลายๆ ครอบครัว คือ “ศูนย์กลาง” ของคนในบ้าน ดังนั้น ใครก็ตาม ที่ทำให้เด็กๆ มีความสุขได้ คนในครอบครัว ก็พร้อมจะ “เทใจ” ให้กับใครคนนั้น
ตรงนี้ ทีมยุทธศาสตร์ของทั้งนายกฯแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ก็คงมองออก…
อาการ “จัดหนัก…จัดเต็ม!” อุทิศทั้งคน ทีมงาน สถานที่ และทุกสรรพสิ่งเพื่อการนี้ จึงปรากฏให้เห็นตลอดการจัดงานในทำเนียบรัฐบาล
อดอิจฉาเล็กๆ แกมดีใจแทน ครอบครัว “เปาอินทร์” ไม่ได้ เมื่อ “น้องพอร์ช” หรือ ด.ช.พศุจน์ เปาอินทร์ กลายเป็นเด็กโชคดีประจำปี เมื่อได้รับเกียรติให้เป็น “เด็กคนแรก” ที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในงาน “วันเด็กแห่งชาติ 2568″ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าของวันจัดงานฯ
ก็หาก คนในตระกูล “เปาอินทร์” ที่มีและเคยมีบางคน? ในตระกูลนี้ เคยขึ้นชั้นเป็น “คนดัง” ในหลากหลายวงการ จะมีและเทใจให้กับบางพรรคการเมือง ก็ไม่ผิดกติกาในทางการเมืองแต่อย่างใด?
นั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่มีเรื่องที่ใกล้กว่านั้น? คือ แนวคิดเชิงนโยบายของ นายกฯแพทองธาร และรัฐบาลชุดนี้ นั่นก็คือ… “ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมวางอนาคต” ธีมของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ สอดรับกับ คำขวัญที่ นายกฯแพทองธาร ให้ไว้ก่อนหน้านี้… “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”
นายกฯแพทองธาร กล่าวระหว่างทำหน้าที่เป็นประธานจัดและเปิดงานฯ ว่า…
“รัฐบาลมุ่งมั่นในการสร้างระบบหลักประกันโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ ซึ่งในขั้นแรกจะรื้อฟื้นและออกแบบการให้ทุน ODOS ในรูปแบบใหม่ โดยมุ่งกระจายโอกาสให้แก่นักเรียนที่มีฐานะยากจนและมีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับมัธยมปลาย ปวช. ปวส. และมหาวิทยาลัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ทุนต่อรุ่นทั่วประเทศ”
ก่อนจะกล่าวต่ออีกว่า… “รัฐบาลจะเริ่มโครงการ “หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษาภาคฤดูร้อน” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนจากทุกอำเภอทั่วประเทศได้เข้าถึงการเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก โดยเชื่อว่าจะเป็นการเปิดโลกให้เด็ก ๆ ได้รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่”
ควบคู่กันไป รัฐบาลยังเตรียมผลักดันนโยบาย “Thailand Zero Dropout” มุ่งเน้นให้เด็กทุกคนได้เรียน โดยจะขยายผลการค้นหาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ให้มีทางเลือกที่ตอบโจทย์ชีวิต และโอกาสพัฒนาเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อมีรายได้เสริมในระหว่างการศึกษา เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
ก็ไม่ต้องแปลกใจ! ทการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.จะมีมติเห็นชอบในการออก สลากการกุศลพิเศษเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล จำนวน 11 ล้านฉบับ โดยมีเป้าหมายในการระดมเงินภายใน 2 ปี เพื่อหาเงินให้ได้วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
เป้าหมายหลักของการออก สลากการกุศลพิเศษเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ก็คือ…การดำเนินการใน โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (One District One Scholarship : ODOS) นั่นเอง
แผนการของ “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องการในเงินในสัดส่วนร้อยละ 30 ของวงเงิน 10,000 ล้านบาท หรือราว 3,000 ล้าน เพื่อนำไปใช้ใน โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ส่วนที่เหลืออีก ราว 7,000 บาท จะถูกนำไปใช้โครงการเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็น…การนำเงินไปช่วยเหลือในกิจการทางการแพทย์ ระบบสาธารณสุขในประเทศ และการกุศลอื่นๆ เช่น ช่วยเหลือโรงพยาบาลให้สามารถพัฒนา ซ่อมแซม ปรับปรุง จัดหาอุปกรณ์เครื่องมือที่สำคัญ รวมถึงการช่วยเหลือทางศาสนา โรงเรียนเพื่อการศึกษา (อันนี้ไม่เกี่ยวกับ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน)
โดยหน่วยงานใดก็ตาม ที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุนเงินก้อนนี้ จะต้องทำเรื่อง/โครงการส่งไปยัง คณะกรรมการสลากการกุศล ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อพิจารณาความเหมาะและอนุมัติตามเห็นควร
สำหรับแนวทางการดำเนิน โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน นั้น ในอดีต เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนหน้านี้ รัฐบาลของพรรคการเมืองกลุ่มนี้ ในนาม “พรรคไทยรักไทย” ที่ขณะนั้น มี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้นำเงินที่ได้จากการนำ “หวยใต้ดินขึ้นมาไว้บนดิน” มาตั้งเป็นกองทุนฯ และส่งต่อให้กับ “นักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน” ในทุกอำเภอของทุกจังหวัดทั่วประเทศ
สร้างโอกาสและความหวังให้กับหลายๆ ครอบครัว กระทั่ง เกิดการทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โครงการดังกล่าวจึงต้องหยุดไป และยังกลายมาเป็น “คดีความทางการเมือง” ในเวลาต่อมา
นาทีนี้ บทเรียนในอดีต สอนให้พรรคการเมืองกลุ่มนี้ ได้คิดและทำอย่างมีสติ อิงหลักกฎหมายและระเบียบราชการแผ่นดินมากขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาที่ นายกฯแพทองธาร บอกกับเด็กๆ และผู้ปกครอง ระหว่างเข้าร่วมงานวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ ณ ทำเนียบรัฐบาล ถึงแนวทางในการดำเนิน โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน นับจากนี้ไป
บางครั้ง! การเดินเกมในทางการเมือง ก็ไม่จำเป็นต้อง “รบราฆ่าฟัน” กับคู่แข่งพรรคการเมืองอื่นๆ ถึงขั้น…ไล่ล่า ฆ่าฟัน ประหัตประหารกันและกัน เช่นที่ตกเป็นข่าวนับแต่ปลายปีก่อนเป็นต้นมา
การวางเกม ดำเนินการ สร้างฐานเสียงในทางการเมือง ผ่านนโยบายดีๆ เช่น ที่ พรรคการเมืองกลุ่มนี้ ทำมาโดยตลอดนับแต่อดีต เกาะติดตั้งแต่คนรุ่น “เด็กและเยาวชน” ไปจนถึงผลักดันนโยบายแจกเงิน! “กินใจ” ในกลุ่มคนทุกระดับ…ตั้งแต่คนจน คนแก่ คนพิการ คนด้อยโอกาสทางสังคม ไปจนถึงคนหาเช้ากินค่ำ พนักงานลูกจ้างบริษัทองค์กรภาคเอก ไม่เว้นแม้กระทั่ง ข้าราชการและพนักงานข้าราชการ ต่างก็อิ่มเอมไปกับนโยบายแจกเงิน! ในลักษณะนี้ ไม่ต่างกัน
บางนโยบาย…บางโครงการ เช่น โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้คนในสังคมไทย ต่างยอมและน้อมรับกันได้ แต่ทว่าหลายๆ โครงการที่ “รัฐบาลแพทองธาร” ได้เริ่มทำกันไปบ้างแล้ว และที่เตรียมจะทำในโอกาสต่อไป อยากให้คิดแบบมีมิติว่า…มันจำเป็นแค่ไหน? ที่จะทำโครงการเหล่านั้น
สุดท้าย…หากไม่เป็นเช่นที่รัฐบาลคาดหวัง โดยเฉพาะแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการกู้เงินมาแจกจ่าย กระทั่ง กลายเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินของชาติ แล้วล่ะก็…
ที่ทำดีๆ กันไว้ มันจะไม่เหลืออะไรเลย!!!.