‘จันทร์ส่องหล้า’ ปฏิบัติการ ‘ชำระแค้น’ เปิดยุทธการ เผา ‘บ้านป่าฯ’
ปฏิบัติการชำระแค้นระหว่าง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” กับ “บ้านป่ารอยต่อฯ” ยังไม่จบ หลายสิ่งหลายอย่าง ยังเดินไปไม่สุดทาง แต่ถึงกระนั้นก็สามารถการันตีความดุเดือดได้ว่า ฉากจบระหว่าง “บิ๊ก” ทั้งขั้วอำนาจครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ใคร มีอันต้องบาดเจ็บเข้าขั้นสาหัส !
การเดินหน้าปมประเด็นว่าด้วยการตรวจสอบ “ไร่ภูนับดาว” อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ที่หน่วยงานภาครัฐ เปิดเผยข้อมูลว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกว่า 100 ไร่ โดยที่พื้นที่ ที่รุกเข้าไปนั้นเป็นสวนป่า ไม่สามารถออก ส.ป.ก.ให้ได้ แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรีในขณะนั้นก็ยังออก ส.ป.ก.4-01 ให้จนได้
แน่นอนว่าในกรณีที่ไร่ภูนับดาว บุกรุกที่ป่าสงวนกว่า 100 ไร่นั้น จะต้องถูกตรวจสอบว่า “ใคร” และเจ้าหน้าที่รัฐ คนใด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่ที่ลึกไปมากกว่านั้นคือไร่แห่งนี้ มีการตรวจสอบแล้วพบว่า ยังมีเส้นทางการเงิน จากบริษัทหนึ่งที่ถือหุ้นและบริหารบริษัทภูนับดาว โอนเข้าสู่บัญชี ของ “คนใกล้ชิด” บิ๊กการเมือง ระดับ “อดีตรองนายกฯ” อีกด้วย
โดยตลอดหลายวันที่ผ่านมา “ตัวละคร” ที่ถูกโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัท ที่บริหารไร่ภูนับดาว ซึ่งรุกพื้นที่ป่า ฯกว่า100 ไร่ นั้นได้ถูก “เปิดหน้า” ออกมาแล้ว แม้จะไม่มีระบุ “ชื่อ” ก็ตามที่ แต่ดูเหมือนว่า เรื่องร้อนเรื่องนี้ ลามไปถึงตัว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยเป็น “รองนายกฯ” ในรัฐบาลชุดที่แล้ว เข้าอย่างจัง
ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ได้ออกมาตอบคำถามผ่านสื่อแล้วว่า “ไม่รู้ ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เคยทำอะไรผิด”
ขณะที่เรื่องราวการเดินหน้าตรวจสอบทั้งกรณีไร่ภูนับดาว บุกรุกพื้นที่ป่า ได้ดำเนินไปพร้อมๆกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลุยรื้อเส้นทางการเงิน โดยมีหลายองค์กรเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง ปปท., ปปช.และปปง. ทว่าใน “มิติการเมือง” กลับยิ่งเข้มข้น เมื่อเรื่องนี้ ตัวละครหลักคือ “คนใกล้ชิด” ของอดีตรองนายกฯ
และแม้เรื่องนี้ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเจ้ากระทรวง ออกมายืนยันแล้วว่าการทวงคืนเอาที่ดินส.ป.ก.มาให้กับพี่น้องประชาชน คือภารกิจ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการ “แก้แค้น” เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีการตรวจสอบจับกุมกันมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ค.67 ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อยู่แล้วก็ตาม
ในความเป็นจริงแล้ว ปฏิบัติการตรวจสอบ ไร่ภูนับดาวนั้น น่าจะเป็นที่รับรู้กันได้ไม่ยากว่านี่คือการ “เอาคืน” และอาจถึงขั้น “เผาบ้านป่าฯ” กันทีเดียว เมื่อ “ช.” คือหญิงสาวคนสนิทของอดีตรองนายกฯ ซึ่งว่ากันว่า กระทรวงเกษตรฯ สมัยที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เคยนั่งเป็นรมว.เกษตรฯ ก็มีข้อมูลชุดนี้อยู่ในมือมาตั้งแต่แรกแล้ว
ซึ่งการตรวจสอบโดย กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งวันนี้ก็ต้องยอมรับว่า ร.อ.ธรรมนัส แม้จะไม่มีตำแหน่งเจ้ากระทรวง แต่เขาคือผู้มีบทบาทมากที่สุด และที่สำคัญไปมากกว่านั้น วันนี้ร.อ.ธรรมนัสได้ยืนคนละฝั่งกับพล.อ.ประวิตร ไปนานแล้ว และยังเป็นการแยกจากกันชนิดที่เรียกว่า “จบไม่สวย”
ขณะที่ ศึกใหญ่ระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ บิ๊กป้อม แห่งบ้านป่ารอยต่อฯ ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาทักษิณ เองดูจะเป็นฝ่ายเปิดหน้าชน “ส่งสาร” ถึง บิ๊กป้อม หลายต่อหลายครั้งว่า เพราะคนในบ้านป่า ฯทำให้การเมืองวุ่นวาย
ทั้งการล้มรัฐบาลเศรษฐา จนทำให้ทักษิณ ต้องส่ง แพทองธาร เข้ามานั่งนายกฯคนที่ 31 ทั้งที่รู้ดีว่า “ลูกสาวคนเล็ก” นั้นยังไม่พร้อมที่จะลงสนามใหญ่ และในระหว่างนี้ยังปรากฏว่า “นักร้อง” ที่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบทั้งพรรคเพื่อไทย ,ทักษิณ รวมถึงตัวนายกฯแพทองธาร ถูกเชื่อมโยงว่ามีคนในบ้านป่าฯอยู่เบื้องหลัง ทั้งสิ้น
นอกจากนี้หากย้อนกลับไป มีรายงานว่า เคยมีการพูดถึง “คลิปชั้น 14” ว่าหากเปิดออกมาเมื่อใด สาธารณชนจะได้รู้ว่า ทักษิณ ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ ซึ่งจนถึงวันนี้ ฝั่งตรงข้ามทักษิณ ยังคงอุบเอาไว้ว่าแท้จริงแล้ว มีคลิปดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่ถึงกระนั้น ประเด็นเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่ฝ่ายทักษิณ ถูก “เขย่าขวัญ” มาโดยตลอด
เมื่อเจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า ถูกเขย่าขวัญด้วยสารพัดคำร้อง ที่หวุดหวิดจวนเจียนจะทำให้แพทองธาร มีอันต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ คนที่ 31 จึงว่ากันว่า เมื่ออีกฝ่ายเจอ “จุดอ่อน” ที่เชื่อมโยงถึงบิ๊กป้อม คนในบ้านป่าฯ ปฏิบัติการตรวจสอบไร่ภูนับดาวจึงดุเดือดและถึงขั้น “ยึดทรัพย์” ตามมาเมื่อมีการใช้มูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน
การต่อสู้ในทางการเมืองระหว่างทักษิณ และบิ๊กป้อม กำลังเดินมาสู่จุดที่เรียกว่า “เขม็งเกลียว” เมื่อต่างฝ่าย ต่างมีทั้งลูกสาวและคนใกล้ชิด ตกอยู่ในฐานะ “ตัวประกัน” ทั้งคู่ แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่า เบื้องลึกการ “สอย” อดีตนายกฯเศรษฐา นั้นเพราะบิ๊กป้อม มีลุ้นในฐานะ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งนานวัน เก้าอี้นายกฯอาจไม่ใช่เป้าหมาย อีกแล้ว
นอกจากการห้ำหั่น ให้ย่อยยับกันไปเสียข้างหนึ่งระหว่าง บ้านจันทร์ส่องหล้า กับบ้านป่ารอยต่อฯ