NIA จับมือ ส.อ.ท. โชว์ผลงานนวัตกรรม 11 DeepTech Startup
NIA ร่วมกับ ส.อ.ท. จัดงาน Demo Day – FTI DeepTech Startup Connext 2024 โชว์ผลงาน 11 ดีพเทคสตาร์ทอัพ ทดสอบการใช้งานกับภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้จริง พร้อมสร้างความร่วมมือต่อยอดธุรกิจ ขยายตลาดและเปิดรับเงินลงทุน
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ในฐานะที่ NIA เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ ภายใต้บทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor)” ได้เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมในทุกมิติ ไปสู่การสร้างผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านเครื่องมือ 4 กลไกหลัก “Groom-Grant-Growth-Global
โดยมุ่งเน้นส่งเสริมนวัตกรรม 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1) เกษตรและอาหาร 2) การแพทย์และสุขภาพ 3) การท่องเที่ยว 4) พลังงานทดแทนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และ 5) ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ NIA จึงเร่งพัฒนาการเติบโตของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีเชิงลึกให้ตอบโจทย์ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งยังมีความต้องการโซลูชั่นสำหรับนำไปแก้ปัญหาในหลากหลายประเด็น โดยได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนิน “โครงการส่งเสริมและเชื่อมโยงสตาร์ทอัพเทคโนโลยีเชิงลึกสู่ธุรกิจภาคอุตสาหกรรมไทย หรือ FTI DeepTech Startup Connext” ขึ้น ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเฟ้นหาและคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีความสามารถพร้อมแก้ปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างโอกาสการจับคู่และร่วมมือทางธุรกิจกับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้เกิดการทดสอบใช้งานเป็นต้นแบบระดับภาคอุตสาหกรรม
โดยผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายให้กับสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 300 ล้านบาท นับว่าเป็นการพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกให้มีความพร้อม เพิ่มผู้ใช้งาน และสามารถขยายการใช้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ต่อไป
ดร. วิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล กรรมการบริหาร และรองประธานสถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของเรา คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย ผ่านการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น การส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมได้เข้าถึง รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก จึงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
อีกทั้ง ส.อ.ท. ยังมีโครงการกองทุนอินโนเวชั่นวันที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมทั้งที่เป็นสตาร์ทอัพและ SMEs ให้เติบโตด้วยการนำงานวิจัยและความคิดสร้างสรรค์ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการ FTI DeepTech Startup Connext 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เข้ามาช่วยเร่งพัฒนาการเติบโตของสตาร์ทอัพให้มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมเชิงลึกให้ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) ได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีประสบการณ์ในการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม สร้างโอกาสในการจับคู่และมีความร่วมมือทางธุรกิจ จนเกิดการทดสอบการใช้งานเป็นต้นแบบระดับภาคอุตสาหกรรมได้ โดยในปีนี้ มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 34 ทีม และผ่านการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิจนได้เป็น Strong Startup 11 ทีม ผ่านการบ่มเพาะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมมาอย่างเข้มข้น จนเรามั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงลึกทั้ง 11 ผลงาน สามารถนำไปแก้ปัญหาให้แก่ภาคอุตสาหกรรมได้จริง
และพิเศษไปกว่านั้น ปีนี้เรายังได้จัดกิจกรรม FTI Matching Roadshow ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อขยายฐานผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษให้เข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Strong Startup ได้มากขึ้น
นายปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวแสดงความยินดีกับ 11 ดีพเทคสตาร์ทอัพในโครงการฯ และตอกย้ำความสำคัญในการพัฒนาดีพเทคเทคโนโลยี โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ กิจกรรม Screening การคัดเลือก ดีพเทคสตาร์ทอัพเข้าสู่โครงการฯ กิจกรรม Community building ซึ่งเป็นกิจกรรมเตรียมความพร้อมของดีพเทคสตาร์ทอัพเพื่อเข้าสู่ธุรกิจในรูปแบบ B2B กิจกรรม Mentor for Startup การมีพี่เลี้ยง ทีมที่ปรึกษาให้คำปรึกษาแบบ 1:1 กิจกรรม Matching to Markets กิจกรรมสร้างโอกาสให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจจนเกิดการทดสอบการใช้งานจริง และกิจกรรท Demo Day กิจกรรมนำเสนอความสำเร็จของการนำเทคโนโลยีเชิงลึกไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ล้วนกระตุ้นให้ดีพเทคสตาร์ทอัพได้เรียนรู้ เข้าใจ และเข้าถึงความเป็นภาคอุตสาหกรรม ความต้องการของผู้ใช้งานจริง และสามารถที่จะสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ออกมาได้
นายธนพงษ์ ณ ระนอง รองประธานสถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวขอบคุณ NIA ที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดโครงการฯ ดีๆ และเกิดดีพเทคสตาร์ทอัพ ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม และ ส.อ.ท. เอง ก็ได้เชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมให้ได้เข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ รวมถึงเกิดการสร้างเครือข่ายการทำงาน กลไกการทำงานร่วมกันระหว่างผู้พัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกและผู้ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก จนเกิดเป็นต้นแบบภาคอุตสาหกรรมจำนวน 11 ผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านการทดสอบการใช้งานจากภาคอุตสาหกรรมจริง
นอกจากนี้ ภายในงาน ยังได้มีการมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้ที่ผ่านการบ่มเพาะจากโครงการฯ ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนของการเข้าร่วมโครงการ ได้มีการเก็บคะแนนและประกาศผลทีมดีพเทคสตาร์ทอัพที่ได้รับรางวัล ดังนี้
- รางวัล Popular คือ ทีม Job Solution (ระบบการจัดการงานสรรหาพนักงาน และระบบสัมภาษณ์งานออนไลน์และประเมินสมรรถนะของผู้สมัครงานด้วยเทคโนโลยี AI)
- รางวัล Best of The Day คือ ทีม ENVI SENSE (สถานีตรวจวัดกลิ่นและคุณภาพอากาศแบบออนไลน์และบริการตรวจวัดกลิ่นรบกวน)
รางวัล FTI DeepTech Startup Award ประจำปี 2024 ได้แก่
- รางวัล Winner คือ ทีม ENVI SENSE (สถานีตรวจวัดกลิ่นและคุณภาพอากาศแบบออนไลน์และบริการตรวจวัดกลิ่นรบกวน)
- รางวัล First Runner-up คือ ทีม Cleantech & Beyond (สติกเกอร์ติดวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ เทคโนโลยีตรวจสอบความร้อนของเครื่องจักร)
- รางวัล Second Runner-up คือ ทีม Zycoda (ระบบจัดการงานซ่อมบำรุง CMMS, บริการ data connectivity และ AI-Predictive Analytics Platform)
การจัดกิจกรรม Demo Day ในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการรวมตัวกันระหว่างดีพเทคสตาร์ทอัพที่มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงลึก กับภาคอุตสาหกรรมที่กำลังมองหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กร รวมถึงนักลงทุน ภาครัฐ และภาคการศึกษา ที่ต่างให้ความสนใจเพื่ออัปเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปพร้อมกัน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต และสามารถสร้างตลาดใหม่และพลิกโฉมธุรกิจในปัจจุบันได้.