DSI พบเงินกว่า 100 ล. เข้าบัญชี “แม่สามารถ” ขณะ “บอสพอล” โอน 2.5 ล.อ้างทำบุญ
อธิบดีดีเอสไอเผยเข้าค้นเป้าหมาย 2 จุด จับกุมสองแม่ลูก “วิลาวัลย์-สามารถ” พัวพันฟอกเงินดิไอคอน ยึดรถตู้อัลพาร์ด 1 คัน พร้อมเอกสารบัญชีการเงิน พบมีเงินผ่านเข้าบัญชีแม่กว่า 100 ล้านจากหลายแหล่ง เร่งขยายผล ส่วน “บอสพอล” โอนเข้า 2.5 ล้านบาท อ้างทำบุญ จริงหรือไม่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว
วันที่ 25 พ.ย.2567 เวลา 14.00 น. ณ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยผลการปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด คือ บ้านพักของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ภายในโครงการบ้านหรูแห่งหนึ่งบนถนนราชพฤกษ์ ส่วนจุดที่ 2 คอนโดมิเนียม พื้นที่เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พร้อมจับกุม นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ อายุ 62 ปี แม่ของนายสามารถ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ในคดีพิเศษที่ 115/2567 (คดีฟอกเงินทางอาญา กรณี บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด)
พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติการของดีเอสไอสามารถตรวจยึดสิ่งของที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ โดยคดีพิเศษที่ 115/2567 ขอศาลออกหมายจับทั้ง 3 บุคคล ประกอบด้วย 1.นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล 2.นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช และ 3.นางนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ สืบเนื่องมาจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่ามีการเงินระดมของบรรดาสมาชิกไปยังบัญชีของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ก่อนโอนต่อไปยังบุคคลในหมายจับหลายทอด ดังนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ คือ การโอนหรือรับโอนเงิน เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือเพื่อปกปิดอำพรางซุกซ่อนลักษณะแท้จริงของการได้มาซึ่งทรัพย์สิน จึงเข้าข่ายความผิดอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ดีเอสไอก็ได้มีการควบคุมตัวบุคคลตามหมายจับไว้เบื้องต้น 1 ราย คือ นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ ขณะที่ผู้ต้องหาอีกราย คือ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อยู่ระหว่างนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากไม่พบตัวในที่พัก อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 5 ที่ประสานว่าพบตัวแล้ว และตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอไปยัง จ.เชียงราย เพื่อประสานรับตัวนายสามารถ กลับมาดำเนินคดีในช่วงค่ำวันนี้
“ส่วน นางวิลาวัลย์ อยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำ แต่เจ้าตัวค่อนข้างให้การไม่เป็นประโยชน์ แต่รายละเอียดคำให้การ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ ในเรื่องเส้นทางการเงิน 2.5 ล้านบาทที่พบความเชื่อมโยงระหว่างบอสพอล และนางวิลาวัลย์ นั้น แม้จะมีการกล่าวอ้างว่าเป็นเงินฝากทำบุญหรือเงินใดก็ตาม ก็ถือเป็นการแก้ข้อกล่าวหา หรือจะแสดงข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ ดีเอสไอก็รับฟัง ในประเด็นเรื่องความสนิทสนมระหว่างบอสพอลและนางวิลาวัลย์ นั้น ดีเอสไออยู่ระหว่างสอบสวนปากคำเช่นเดียวกัน”
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยด้วยว่า ส่วนจำนวนเงินที่พบในบัญชีธนาคารของมารดานายสามารถ มีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาทนั้น จากการสืบสวนพบว่ามาจากหลายแหล่ง จึงต้องขยายผลต่อว่าเป็นเงินมาจากแหล่งใดบ้าง แต่ที่ผู้ต้องหารับโอนตรงมาจากบอสพอล มีจำนวน 2.5 ล้านบาท และมีรับโอนตรงจากบอสปีเตอร์ จำนวน 500,000 บาท ส่วนพฤติการณ์มารดานายสามารถ รับโอนเงินจากทั้งบอสพอลและบอสปีเตอร์ จะรับโอนเงินเป็นล็อตๆ บางครั้งรับโอนเงิน 100,000 บาท สูงสุด 500,000 บาท ช่วงปี 2564 – 2566 หรือประมาณ 15 ครั้ง ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาจะชี้แจงว่าเป็นเงินฝากทำบุญ ก็สามารถยื่นใบอนุโมทนาบุญได้ เพราะดีเอสไอยินดีรับฟัง พร้อมตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทำบุญจริงหรือไม่ ดีเอสไอตรวจสอบได้อยู่แล้ว ส่วนบัญชีของนายสามารถ จะมีการโอนเงินไปที่วัดใดหรือไม่ ดีเอสไอจะมีการขยายผลต่อไป
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยถึงกรณีที่บอสพอลไม่ติดใจดำเนินคดีนายสามารถ แต่ดีเอสไอดำเนินคดีนั้น เนื่องด้วยมันเป็นความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นจะต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ หากพนักงานสอบสวนพบความผิดก็ต้องดำเนินการ เพื่อตัดวงจรการกระทำความผิดทางมาตรการการฟอกเงิน โดยเป็นนโยบายของกระทรวงยุติธรรม และรัฐบาล ซึ่งเราต้องบังคับใช้กฎหมายในทุกมิติ ดังนั้น หากฝั่งของบอสพอลจะออกมาปกป้องนายสามารถก็ถือเป็นสิทธิ หรือจะยื่นพยานหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใดก็ได้
“กรณีของนายสามารถ ที่พบตัวไปอยู่ที่ จ.เชียงราย นั้น ในช่วงเช้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นบ้านของเจ้าตัว พบว่าแอร์ยังไม่มีการปิดใช้งาน มีเสื้อผ้าเพิ่งถอดออก ดังนั้น เจ้าตัวอาจต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดจริง แต่อาจจะรับทราบหรือไม่ เพราะมีลักษณะเร่งรีบออกไป ส่วนจะเป็นการออกไปในช่วงเช้าก่อนดีเอสไอเข้าค้น หรือออกไปตั้งแต่คืนวานนี้นั้น อันนี้น่าจะก่อนดีเอสไอเข้าค้น แต่ตนยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด”
เมื่อถามว่ามีข้อกังขาว่านายสามารถ อาจทราบเรื่องหมายจับก่อนหรือไม่ จึงมีการทำทึทำท่าเหมือนไปทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ชี้แจงว่า ก็คงต้องตรวจสอบ เพราะเขามีการจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนล่วงหน้า อาจจะไปทำบุญจริงก็ได้ แต่อาจจะรับทราบข้อมูลเบาะแสมาจึงรีบออกไปก่อนก็เป็นไปได้ คงต้องสอบสวนปากคำเจ้าตัว ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างเดินทางไปที่ สภ.แม่ยาว จ.เชียงราย เพื่อพบกับตำรวจที่นำหมายจับไปจับตัวนายสามารถ
นอกจากนี้ การที่นายสามารถ ได้เดินทางไปยัง จ.เชียงราย มีการข่าวหรือไม่ว่าเจ้าตัวประสงค์จะเดินทางต่อไปยังที่อื่นนั้น ในตอนนี้ยังไม่ปรากฏข้อมูลว่านายสามารถ จะข้ามไปยังที่อื่น ทราบเพียงว่าเขาอยู่ที่ จ.เชียงราย จึงประสานข้อมูลไปยังตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งก็ได้รับการร่วมมืออย่างดี ทั้งนี้ สาเหตุที่ทราบว่านายสามารถ เดินทางไปยัง จ.เชียงราย มาจากข้อมูลการสืบสวน ส่วนเจ้าตัวจะมีที่พำนักอาศัยในจังหวัดหรือไม่ ขอให้พนักงานได้สืบสวนต่อไป รวมทั้งยังทราบมาว่ามารดาของนายสามารถ ไม่ได้พูดคุยกับบุตรชายมาสักพักแล้ว และเรื่องการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าของนายสามารถ นั้น ดีเอสไอก็ต้องนำข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบมาประชุมกันอีกครั้ง แต่การจองตั๋วเครื่องบินก็อาจต้องจองล่วงหน้าพอสมควร
พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุถึงผลการตรวจยึดสิ่งของที่ใช้เป็นพยานหลักฐาน ว่า พนักงานสอบสวนได้มีการตรวจยึดสิ่งของภายในบ้านของแม่นายสามารถ เป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง ขณะที่บ้านพักของนายสามารถ ได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด 1 คัน และเอกสารเกี่ยวกับบัญชีการเงิน (Statement) รวมถึงเอกสารสัญญาต่างๆ
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า เมื่อดีเอสไอควบคุมตัวนายสามารถ มาถึงอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้วนั้น ก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย คือ แจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิผู้ต้องหา และถามคำให้การ ส่วนจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ส่วนการฝากขังต่อศาลนั้น เรามีอำนาจควบคุมตัว 48 ชม. หากเสร็จสิ้นก่อนก็ฝากขังก่อนครบกำหนดเวลาได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในคืนวันนี้ เวลา 21.30 น. นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช จะถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ควบคุมตัวจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3206 มายังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ และจะมาถึงอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อสอบสวนปากคำตามขั้นตอนต่อไป.