‘10 ด.’ บสย.ค้ำเงินกู้ช่วย SMEs กว่า 4.3 หมื่นล. – เดินหน้าแก้หนี้ หนุนเข้าถึงแหล่งเงินทุน พ่วง Transforms องค์กร 4 มิติ
“เอ็มดี. บสย.” เผย 10 เดือนแรกปีนี้ ค้ำประกันสินเชื่อช่วย SMEs แล้วกว่า 7.68 หมื่นราย วงเงินกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท เฉพาะ PGS 11 ค้ำประกันเกิน 2 หมื่นล้าน เฮ! พบกลุ่ม SMEs ที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. มากถึง 73% พร้อมรับลูกนโยบายรัฐ เดินหน้าสางหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมหนังสือค้ำประกัน ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ประกาศเร่ง Transforms องค์กร 4 มิติหลัก ขยายบทบาทช่วย SMEs พ่วงยกระดับกลไกค้ำประกันให้มีประสิทธิภาพ
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมชน(บสย.) แถลงผลการดำเนินงาน 10 เดือนของปี 2567 (ม.ค. – ต.ค.) ว่า มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 43,228 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 76,840 ราย โดยเป็นกลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) สัดส่วนสูงถึง 90% เฉลี่ยค้ำประกันต่อราย 90,000 บาท ที่เหลือ 10% เป็นกลุ่ม SMEs โดยค้ำประกันเฉลี่ยต่อราย 4.78 ล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,775 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 398,998 ตำแหน่ง เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกว่า 177,056 ล้านบาท แผนในปี 68 มองว่า ยอดค้ำประกันไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการหลัก PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่เปิดโครงการถึง 31 ตุลาคม 2567 มียอดค้ำประกัน 20,131 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 19,039 ราย ดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ผู้ไม่เคยใช้บริการ บสย. ถึง 73% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Micro SMEs สะท้อนว่าการช่วยเหลือ “กลุ่มเปราะบาง” ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น
โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ Micro SMEs ไปจนถึงผู้ประกอบการใหม่ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ IGNITE THAILAND และธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่สังคม Carbon ต่ำ รวมถึง SMEs กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จุดเด่น อาทิ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน เริ่มต้น 2 ปีแรก และสูงสุดถึง 4 ปีแรก (รัฐบาลนผู้สนับสนุนค่าธรรมเนียมค้ำประกัน) วงเงินค้ำประกันต่อรายตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40 ล้านบาท นานสูงสุด 10 ปี ช่วยให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อด้วยต้นทางการเงินที่ต่ำ ทั้งนี้ 3 ประเภทธุรกิจที่มีการค้ำประกันมากสุด คือ ภาคบริการ 28.8% 2.การผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ และ 3.อาหารและเครื่องดื่ม รวมกันกว่า 50% สะท้อนการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ
นายสิทธิกร กล่าวว่า ตลอด 33 ปี บสย.ช่วยแก้หนี้ SMEs ที่ถูกจ่ายเคลมหนังสือค้ำประกัน ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” (3สี) เน้น ฎตัดเงินต้นก่อนตัดดอก” และ “ผ่อนน้อย เบาแรง” คิดดอกเบี้ย 0% ผ่อนยาว 7 ปี “หนี้ลด หมดเร็ว” ช่วยลูกหนี้นับแต่ปี 2565 รวม 16,577 ราย เฉพาะ 19 เดือนแรกปีนี้ 3,131 ราย มูลหนี้กว่า 10,636 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 33 ปี
นอกจากนี้ บสย. ยังพร้อมตอบโจทย์นโยบายรัฐ ด้วยการยกระดับการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ในประเทศไทย ล่าสุด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บสย. และ Korea Credit Guarantee Fund (KODIT) และKorea Technology Finance Corporation (KOTEC) สถาบันค้ำประกันสินเชื่อของสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อยกระดับและพัฒนาการค้ำประกันสินเชื่อในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เสริมสร้างกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ การบริหารจัดการความเสียงที่ดีขึ้น และเพิ่มศักยภาพอำนวยความสะดวกด้านเงินให้กับ SMEs รวมทั้งยกระดับเครดิต การันตี โมเดล โดยใช้ข้อมูลทางเลือกอื่นๆ ของผู้ประกอบการ SMEs ทั้งสององค์กร เข้าไปร่วมถือหุ้นกับเอสเอ็มอี เพื่อเติมศัยภาพเอสเอ็มอี เช่น รูปแบบการใช้จ่าย และพฤติกรรมการชำระเงิน จ่ายค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายรายเดือนอย่างไร จึงเป็นจุดเปลี่ยนในการวิเคราะห์ลูกค้า นำมาคำนวณคะแนนเครดิตค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมน้ำโมเดลดังกล่าวไปไช้กับรูปแบบธรกิจใหม่ การใช้เทคโนโลยีและนวัดกรรม หรือกลุ่มสตาร์พอัพอัพ จากการ MOU กับทั้งสองสถาบัน จะช่วยขยายศักยภาพ โดยขยายรูปแบบการค้ำประกันสินเชื่อ ปัจจุบันที่ค้ำประกันและจ่ายเคลมเป็นรายพอร์ต (Portfolio Guarantee Sche : PGS) บสย.จะเป็นผู้ประเมินความเสียงด้านเครดิตของผู้ประกอบการตรง ตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูล การประเมินความเสี่ยงรายบุคคล การคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามระดับความเสี่ยง ทำให้ บสย. ขยายขอบเขตให้ความช่วยเหลือ SMEs ได้มากขึ้น
“ทั้งสององค์กร KODIT และ KOTEC สถาบันค้ำประกันสินเชื่อของสาธารณรัฐเกาหลี ใช้ทุนจากการปล่อยกู้ของธนาคาร ทั้งสององค์กรจะมาช่วยบริการค้ำประกันสินค้า จึงมีความแตกต่างจาก บสย. ซึ่งใช้งบประมาณร้อยเปอร์เซ็นต์จากรัฐบาล บสย.พร้อมปรับบทบาทค้ำประกันทั้งแบบยกพอร์ตทั้งหมดจากแบงก์ และค้ำประกันรายบุคคล เคลมเป็นรายบุคคล เช่น กลุ่มเอสเอ็มอี ยื่นประมูลงานจากหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากเป็นการใช้เงินสดการันตีในการประมูลงาน” เอ็มดี. บสย. กล่าว
ส่วนนโยบายภาครัฐ ที่เตรียมจัดตั้ง “สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ” (NaCGA : National Credit GuaranteeAgency) เน้น 4 มิติหลัก ดังนี้
1. ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่ม เตรียมปรับโฉมและยกระดับสำนักงานเขตทั่วประเทศ (Branch Reformat) สู่การเป็นศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ร่วมกับช่องทาง Digital LINE OA: @tcgfirst
2. ด้านการพัฒนาเครื่องมือโมเดลวิเคราะห์ความเสียงในรูปแบบข้อมูลทางเลือก เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อในรูปแบบ RBP (Risk-Based Pncing) คิดค่าธรรมเนียมตามระดับความเสี่ยงของ SMEs โดยใช้ Credit Scoring มาใช้พิจารณาค้ำประกันสินเชื่อ
3. ด้านการใช้ประโยชน์จาก Big Data ฐานข้อมูลการคำประกันสินเชื่อตลอดระยะเวลา 33 ปี มาวิเคราะห์ข้อมูลในมิติด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาโอกาสในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้มากยิ่งขึ้น ร่วมกับStakeholders ที่เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม
4. ด้านการใช้ Digital Disruption เป็นแรงเคลื่อนองค์กร เพื่อพัฒนาระบบงาน และบริการใหม่ๆ ทางการเงินบน Virtual Banking ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบด้าน เป็นแรงผลักดันให้ บสย. ต้องปรับตัวและเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง ตามพันธกิจและการเป็น SMEs’ Gateway มุ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ทั้งระบบ.