คาดยอดจองซื้อรถ EV ปีหน้าพุ่งแตะ 3 หมื่นคัน สรรพสามิตพร้อมจ่ายเงินสนับสนุนคนไทย

วงการรถยนต์ไฟฟ้าสุดคึกคัก! ล่าสุด ค่ายเบนซ์เซ็นเอ็มโอยูเข้าร่วมโครงการกับกรมสรรพสามิตแล้ว คาดราคารถพุ่งเกิน 2 ล้านบาท ได้แค่ส่วนลดภาษีจาก 8% เหลือ 2% แต่ไม่ได้รับชดเชย 1.5 แสนบาทต่อคัน เผยค่ายฮอนด้าเตรียมจ่อตามมาเร็วๆ นี้ มั่นใจปีหน้า ยอดจองซื้อรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งแตะ 3 หมื่นคันแน่ ระบุ หากในปีงบฯ 66 ยอดรับเงินชดเชยเกิน 2 หมื่นคัน ต้องใช้งบประมาณใหม่จากรัฐบาล

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ณ อาคารหอประชุมกรมสรรพสามิต นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต และ นายมาร์ค เบอร์เกอร์ กรรมการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นรายที่ 12 ที่เข้าร่วมลงนามฯ แบ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ารถยนต์ 9 ราย และรถจักรยานยนต์อีก 3 ราย

นายเอกนิติ กล่าวว่า การที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ฯ จะได้รับสิทธิลดอากรศุลกากร และลดภาษีสรรพสามิตเท่าใด ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบตเตอรี่ สำหรับการนำเข้ารถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle: BEV) ในปี 2565 – 2566 และผลิตรถยนต์ BEV ในปี 2565 – 2568 ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างตัดสินใจจะนำรถยนต์รุ่นใดเข้าร่วมโครงการ โดยหากราคารถยนต์เกินกว่า 2 ล้านบาท จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนสูงสุดคันละ 150,000 บาท แต่จะได้รับอัตราภาษีสรรพสามิตที่ลดลงจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 รวมถึงได้รับอัตราภาษีนำเข้า (ศุลกากร) ในอัตราที่ลดลงอีก

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์แล้ว จำนวน 1 ครั้ง จำนวนรวมทั้งสิ้น 540 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุนจำนวน 81 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์ ครั้งที่ 2 อีก 1,297 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุนจำนวน 194.55 ล้านบาท

คาดว่าจะมียอดจองและยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ขอรับสิทธิตามมาตรการฯ ภายในสิ้นปี 2565 รวมกันทั้งสิ้นกว่า 25,000 คัน และจะมีผู้ประกอบอุตสาหกรรม/ผู้นำเข้ารถยนต์ที่สนใจทยอยเข้าร่วมลงนามเพิ่มขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ BEV มีราคาลดลงและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภค หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นและช่วยส่งผลดีต่อการลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมสรรพสามิตให้ความสำคัญ และได้บรรจุในเรื่อง สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อยู่ในยุทธศาสตร์ EASE Excise ที่กรมสรรพสามิตจะดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป

ด้าน นายณัฐกร อุเทนสุต ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะ โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวเสริมว่า เงินสนับสนุนจำนวน 3,000 ล้านบาทจากรัฐบาล เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้ประชาชนที่ซื้อและจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าคันละไม่เกิน 150,000 บาท ยังมีเพียงพอสำหรับการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าเข้าร่วมโครงการราว 20,000 คันและจะเพิ่มเป็น 30,000 คันในปีหน้า“นับแต่ต้นปีงบประมาณนี้ (ต.ค.-ธ.ค.2564) กรมฯจ่ายเงินสนับสนุนไปแล้วบางส่วนประมาณ 300 กว่าคัน และในช่วงเดือนธันวาคม 2566 เตรียมจะจ่ายอีกกว่า 1,200 คัน รวมเป็นเงินราว 200 ล้านบาท ซึ่งในส่วนที่รอการส่งมอบ และนำไปจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกที่จะมีตามมานั้น ยังไงเงินสนับสนุนที่มีก็ยังคงเพียงพอ ส่วนในปีหน้าหากยอดจองซื้อรถยนต์ไฟฟ้า กระทั่งได้มีการส่งมอบและนำไปจดทะเบียนฯ จึงได้รับเงินสนับสนุน ซึ่งถ้ายอดดังกล่าวมีไม่เกิน 2 หมื่นคัน ก็จะไม่กระทบกับเงินสนับสนุนจำนวน 3,000 ล้านบาทจากรัฐบาล แต่หากเกินจนถึงระดับ 3 หมื่นคัน ก็จะต้องใช้เงินจากงบประมาณใหม่”โฆษกกรมสรรพสามิต ระบุและว่า ต่อจากค่ายเบนซ์ ก็น่าจะเป็นค่ายรถยนต์ฮอนด้าที่เตรียมจะเข้าร่วมโครงการนี้.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password