บสย.งัด ‘ม.3 สี’ รับมือกองทัพลูกหนี้แบงก์ใน 2 ปีข้างหน้า โชว์ผลงานปี 65 อนุมัติค้ำเงินกู้ 1.4 แสนลบ.

บสย.โชว์ผลงาน 10 เดือนแรกของปี 65 เผย! อนุมัติค้ำประกันเงินกู้ไปแล้วกว่า 1.28 แสนล้านบาท คาดสิ้นปียอดแตะ 1.4 แสนล้านบาท ย้ำ! ช่วย SMEs ไปแล้วกว่า 7.8 หมื่นราย สร้างสินเชื่อในระบบมากกว่า 1.5 แสนล้านบาท รักษาการจ้างงานราว 9 แสนตำแหน่ง ก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจกว่า 5.3 แสนล้านบาท พร้อมสานต่องานแก้หนี้ยั่งยืน พ่วงขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Digital Transformation ต่อเนื่อง ด้าน “สิทธิกร ดิเรกสุนทร” ระบุ 2 ปีจากนี้ไป เตรียมใช้ มาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) รับมือกองทัพลูกหนี้ใบค้ำฯของบสย. ที่แบงก์พาณิชย์ เตรียมชงคืนมาให้เป็นจำนวนมาก มั่นใจรับมืออยู่ ยอมรับผลกำไรปี 65 ลดลง คาดเหลือแค่ 500 ล้านบาทเศษ แต่ไม่หวั่น เพราะเป้าสำคัญคือช่วยเหลือ SMEs กลับเข้าสู่ระบบธุรกิจ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)  เปิดเผยถึงผลดำเนินงาน บสย. ในช่วง 10 เดือน (1 ม.ค. – 31 ต.ค. 2565) ว่า สามารถให้ความช่วยเหลือ SMEs เข้าถึงสินเชื่อต่อเนื่อง อนุมัติค้ำประกัน 128,581 ล้านบาท ได้สินเชื่อ 78,510 ราย  อนุมัติหนังสือค้ำประกัน (LG) 82,461 ฉบับ  ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 140,958 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 893,073 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 531,039 ล้านบาท โดยมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อรองรับ ได้แก่

1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs (PGS 9) วงเงิน 65,985 ล้านบาท สัดส่วน  (เฉลี่ย 3.93 ล้านบาทต่อ LG) วงเงินคงเหลือรองรับ 1,100 ล้านบาท และสิ้นสุดโครงการ 30 พ.ย. 2565 2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก.ฟื้นฟู ระยะ 2 (สินเชื่อเพื่อการปรับตัว) วงเงิน 48,076 ล้านบาทสัดส่วน 37% (เฉลี่ย 3.50 ล้านบาทต่อ LG) 3.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Commercial และ Re-new วงเงิน 9,202 ล้านบาท สัดส่วน 7% 4.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. Micro ต้องชนะ (Micro 4) สัดส่วน 4% วงเงิน 4,473 ล้านบาท (เฉลี่ย 90,000 บาท ต่อ LG) และ 5.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะพิเศษ Soft Loan Extra วงเงิน 845 ล้านบาท สัดส่วน 1%

กลุ่มธุรกิจที่ บสย. ค้ำประกันสูงสุด 3 ลำดับแรก ครองสัดส่วนค้ำประกัน 50% ของยอดค้ำรวม ได้แก่ ภาคบริการ 28% ภาคเกษตรกรรม 11% ภาคการผลิตสินค้าและการค้า 11% โดยที่ภาคบริการ อาทิ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว คือ ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ได้รับผลประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุด ส่วนการจะชำระคืนหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้สินที่มี บสย.ค้ำประกันเงินกู้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการแต่ละรายจะตัดสินใจกันเอง ขณะที่ในภาคการเกษตร ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น สามารถไต่ระดับจากอันดับ 6 ในปี 2563 สู่อันดับ 2 ในปี 2565” นายสิทธิกร กล่าวและว่า บสย.คาดว่า ผลดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2565 จะมียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อรวมกว่า 140,000 ล้านบาท

ด้านการช่วยเหลือลูกหนี้ บสย. ได้ดำเนินการสอดรับนโยบายรัฐบาล ปีแห่งการแก้หนี้  “แก้หนี้ยั่งยืน” ช่วยลูกหนี้หลุดพ้นกับดักหนี้ แก้ไขหนี้ ผ่านมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ “บสย. พร้อมช่วย” ผ่อนน้อย เบาแรง หรือ มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว ช่วยแก้หนี้ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ประสบความสำเร็จเกินคาด เพิ่มขึ้นกว่า 80%  มีลูกหนี้ บสย. ลงทะเบียน จำนวน 9,809  ราย ได้รับการประนอมหนี้ 4,785 ราย สัดส่วน 49% หรือราว 2,058 ล้านบาท คาดว่า ณ สิ้นปี จะช่วยลูกหนี้ได้กว่า 7,000 ราย

“มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว แก้หนี้ ลูกค้า บสย. เป็นมาตรการที่โดดเด่นในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้กลุ่มไมโคร โดยมาตรการ “สีเขียว” ได้รับความนิยมมากที่สุด 79%   ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลาผ่อนนาน 7 ปี ตัดเงินต้นทั้งจำนวน โดยชำระครั้งแรกเพียง 10%  วงเงินหนี้ ต่อราย 100,000 บาท”

ด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งเป็นบริการให้คำปรึกษาฟรี โดย ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) เพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่ม มีผู้ลงทะเบียนขอรับคำปรึกษา ขอสินเชื่อสูงสุด 1,454 ราย ปรึกษาปรับโครงสร้างหนี้ มากกว่า 515 ราย และพัฒนาธุรกิจ 337 ราย รวมสินเชื่อที่ต้องการกว่า 12,000 ล้านบาท

ขณะที่การเข้าร่วมงาน มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา (กรุงเทพฯ และขอนแก่น) พบว่า มีผู้ประกอบการขอรับคำปรึกษาแก้หนี้ที่บูธ บสย. 945 ราย ประกอบด้วย การขอสินเชื่อธุรกิจ 164 ราย แก้ไขหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 119 ราย และปรึกษาธุรกิจ 18 ราย และสอบถามและรับบริการทั่วไป 644 ราย

ด้านการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ ได้เปิดตัว 2 นวัตกรรมค้ำประกันสินเชื่อ ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงิน หรือ Bilateral 7 (BI 7) วงเงิน 11,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปที่ต้องการสินเชื่อแต่ขาดหลักประกัน ค่าธรรมเนียมค้ำประกันระหว่าง 2-3.25% ตามระดับความเสี่ยง ภายใต้คอนซ็ปท์ การพัฒนาร่วมเฉพาะรายสถาบัน และ 2.ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ RBP (Risk Based Pricing Product) คิดค่าธรรมเนียมตามระดับความเสี่ยงของ SMEs โดยนำเครื่องมือ Credit Scoring มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้โครงการนำร่อง (Sandbox) เพื่อให้บริการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการ SMEs กลุ่ม Supply Chain

ทั้งนี้ ในปี 2566 บสย. มีแผนเปิดตัวนวัตกรรมค้ำประกันสินเชื่อรองรับโมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือ BCG Model (Bio Economy – Circular Economy -Green Economy) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ที่นำแนวคิดมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และนำกลับมาใช้ประโยชน์ สร้างระบบเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อลดผลกระทบต่อโลก มาใช้เป็นหลักในการพิจารณาค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ การดำเนินยุทธศาสตร์  Digital Transformation & Financial Gateway ที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2565 ยังคงมีความคืบหน้าเป็นลำดับ อาทิ การนำดิจิทัลเทคโนโลยี มาร่วมพัฒนาการดำเนินงานและการให้บริการ ได้แก่ การพัฒนาช่องทางการบริการบนออนไลน์ ผ่าน Line TCG First  พร้อมเมนูต่างๆ ให้เลือก เช่น บริการตรวจสุขภาพทางการเงิน บริการให้คำปรึกษาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และแก้หนี้  โดยลูกค้า บสย. สามารถลงทะเบียนมาตรการแก้หนี้ บสย. ผ่าน Line TCG First  กับ บสย. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย  ทั้งนี้ ยังได้พัฒนาระบบการให้บริการลูกค้าผ่าน Digital Platform ร่วมกับสถาบันการเงิน เพื่อยกระดับการให้บริการด้านสินเชื่อ และการค้ำประกันสินเชื่อด้วย คาดว่าภายในสิ้นปี 2565 มีจำนวนสมาชิก Line TCG First  กว่า 20,000 ราย

สำหรับทิศทางการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ บสย. ปี 2566 ตามแผนวิสาหกิจ ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.Credit Accelerator : การขยายปริมาณการค้ำประกันสินเชื่อ โดยสามารรถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น  2.SMEs Growth Companion การพัฒนาองค์ความรู้และโอกาสทางธุรกิจให้กับ SMEs และรายย่อย 3.Digital Transformation & Financial Gateway : นำดิจิทัลเทคโนโลยีมาพัฒนาการดำเนินงานและการให้บริการ 4.Debt Management : การเพิ่มบทบาทการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการหนี้ให้มีประสิทธิภาพ 5.Sustainable Organization : สร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยสอดคล้องตามมาตรฐานสากล และ 6.ยุทธศาสตร์สนับสนุน ที่สนับสนุนทุกสายงานเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านต่างๆ ให้ทั้ง 5 ยุทธศาสตร์บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย

นายสิทธิกร ยอมรับว่าในปี 2566 และ 2567 จะเป็นปีที่ บสย.จำเป็นจะต้องวางแผนรับมือในการบริหารจัดการกับการที่สถาบันการเงินส่งลูกค้าที่ได้รับการค้ำประกันจาก บสย. อันเป็นต่อเนื่องจากการขอสินเชื่อในโครงการต่างๆ ตลอดปี 2563-2565 ที่ผ่านมา โดยจะนำมาตรการ 3 สี (ม่วง เหลือง เขียว) มาใช้การบริหารจัดการเพื่อแก้หนี้ลูกค้าเป็นหลัก เชื่อว่าจะสามารถรับมือกับจำนวนลูกค้าที่มีเข้ามาในช่วง 2 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2565 แม้ตัวเลขของผลกำไรสุทธิที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนที่เคยมีมากกว่า 800 ล้านบาทนั้น ก็น่าจะเหลือประมาณ 500 ล้านบาทเศษ แต่ก็ไม่เป็นประเด็นให้ต้องกังวลใจ เพราะที่ผ่านมา บสย.ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับลูกหนี้เอสเอ็มอี เพื่อให้กับมาดำเนินงานในทางธุรกิจ และลดปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงจากการจะต้องนำหลักทรัพย์ เช่น บ้านพักอาศัย ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ มาค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งการทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ได้และสามารถดำเนินงานได้ต่อไป ถือว่า บสย.ได้สร้างคุณค่าในการดำเนินงานมากกว่าการจะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้น.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password