ทุนข้ามชาติชู ‘โครงสร้างพื้นฐาน-ดิจิทัล’ สุดแกร่ง! ชี้นโยบาลรัฐเอื้อต่างชาติลงทุนในไทย

“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ร่วมประชุมกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ  พร้อมยกปมเศรษฐกิจ BCG และการเงินที่ยั่งยืน ถกในเวที รมต.คลัง ก่อนหารือร่วมยักษ์เอกชนระดับโลก ที่เห็นตรงกันว่าไทยมีโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัลสุดแกร่ง มีนโยบายเอื้อต่างชาติลงทุน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในห้วงการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2565 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Voting Group : SEAVG) ของธนาคารโลก  และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการธนาคารโลก 11 ประเทศสมาชิกเข้าร่วม ประกอบด้วย ฟิจิ บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย เนปาล สิงคโปร์ ตองกา เวียดนาม และไทย และมีผู้ว่าการธนาคารกลางในฐานะผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศเข้าร่วม 13 ประเทศ ประกอบด้วย สมาชิก 11 ประเทศข้างต้น ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา

ที่ประชุมได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ผลการดำเนินงานและนโยบายที่สำคัญของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้คำแนะนำเชิงนโยบายและการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านอาหารและพลังงาน ปัญหาเยาวชนที่ต้องออกจากระบบการศึกษา และปัญหาด้านหนี้สาธารณะ รวมถึงสนับสนุนการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวขอบคุณธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศสำหรับการสนับสนุนการพัฒนาของไทยและสมาชิก SEAVG อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าจะมีโครงการความช่วยเหลือจากธนาคารโลกมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น รวมถึงขอให้ธนาคารโลกช่วยสนับสนุนประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม SEAVG ในการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกัน การเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต 

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มแหล่งเงินทุนสำหรับการแก้ไขปัญหาและรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการใช้นโยบายการเงินการคลังเพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ภาคเอกชนให้ลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ยกตัวอย่างนโยบายของประเทศไทย ได้แก่ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ควบคู่ไปกับการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ซึ่งเป็นกลไกการระดมทุนจากภาคเอกชนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่กันไป 

อนึ่ง ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีการหารือโต๊ะกลมกับ ASIA HOUSE โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทข้ามชาติ อาทิ HSBC Prudential Arup Google Crown Agents AIG เป็นต้น โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ตลอดจนนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล โดย ผู้บริหารบริษัทข้ามชาติที่ร่วมงานในครั้งนี้ ได้แสดงความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง รวมทั้ง เห็นว่านโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การเงินเพื่อความยั่งยืนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน รวมทั้งจะเอื้อต่อการขยายตัวของการลงทุนจากต่างชาติในประเทศไทย อีกด้วย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password