ลูกหนี้มีเฮ! ธอส. ‘คงดบ.กู้’ จนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนเงินกู้ใหม่ฉลอง 69 ปี เฉียด 2 แสนลบ.

ธอส.ฉลองครบ 69 ปี ยืนกราน! หั่นกำไรช่วยลูกหนี้ คงดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นปี เผย! ไม่ครบ 9 เดือนดี ปล่อยกู้ใหม่ได้แล้วถึง 1.98 แสนล้านบาท มั่นใจสิ้น ก.ย.นี้ ทะลุ 2 แสนล้านบาท ส่วนไตรมาสสุดท้ายจะดันถึง 3 แสนล้านบาทหรือไม่ต้องลุ้น!  

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยในโอกาสที่ ธอส.ครบรอบปีที่ 69 ในวันที่ 24 กันยายน 2565 ว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 21 กันยายน 2565 ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 198,080 ล้านบาท รวม 154,783 บัญชี คิดเป็น 87.48% ของเป้าหมายสินเชื่อใหม่ โดยปี 2565 ที่ตั้งไว้ที่ 226,423 ล้านบาท และคาดว่า ณ สิ้นเดือนกันยายนนี้ จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้เกิน 200,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย (Social Solution) และกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง (Business Solution) ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย ซึ่งยังเหลือไตรมาสสุดท้ายที่เชื่อว่าจะสินเชื่อใหม่ได้ไม่ต่ำกว่าเดือน 20,000 ล้านบาท ส่วนถึงสิ้นปีจะได้ถึง 300,000 ล้านบาทหรือไม่ ต้องคอยดูกันอีกที

ขณะที่ ยอดสินเชื่อรวม ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 1,548,451 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คิดเป็น 4.41% ของสินเชื่อรวม โดยปัจจุบัน ธอส. ยังมีสภาพคล่องเพียงพอเพื่อปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่องโดยคาดว่า ณ สิ้นปี 2565 จะปล่อยได้ไม่น้อยกว่า 280,000 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% สู่ระดับ 3.00%-3.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายนนั้น ธอส. ยังยืนยันว่า พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านไว้ให้นานที่สุดอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2565 เพื่อแบ่งเบาภาระและให้เวลาลูกค้าในการปรับตัว ซึ่งจะทำให้กระทบต่อต้นทุนของธนาคารเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ล้านบาท

“ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบกับลูกหนี้ผ่อนบ้านนั้น ในส่วนของ ธอส. เราจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยลดภาระของลูกค้า แม้ว่ารายได้จะหายไปกว่า 1 พันล้านบาทก็ตาม ซึ่งในความเป็นจริง แม้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น หากเงินงวดที่จะส่งผ่อนในแต่ละเดือนไม่เพิ่มขึ้นตามกันไป ตรงนี้ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เพียงแค่เพิ่มระยะเวลาการผ่อนมากขึ้นเท่านั้น” นายฉัตรชัย ย้ำและว่า

หลังจากนั้น ก็ต้องรอดูสถานการณ์อีกว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สอดรับกับภาวะตลาด จะมีคน 3 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คือ 1. กลุ่มผู้กู้ใหม่ที่อาจได้เงินกู้ลดลง ในขณะอำนาจการใช้จ่ายยังเท่าเดิม 2. กลุ่มลูกหนี้เอ็นพีแอล ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง และ 3. กลุ่มลูกค้าปกติ ที่มีวงเงินกู้จำนวนมาก ทั้งนี้ หากคิดที่อัตราเงินต้น 1 ล้านบาท กลุ่มที่ขอกู้มากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป ก็จะต้องคูณด้วยตัวเลข 2 เท่าของรายจ่ายที่เพิ่มด้วยเช่นกัน

ในส่วนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐส่งเงินเข้ารัฐที่ต้องมีภาระส่งรายได้ให้กระทรวงการคลัง จากเดิม 0.25 % เหลือ 0.125% โดยจะขอขยายระเวลาออกไปอีก 1 จากที่ต้องสิ้นสุดในปี 2565 เป็นสิ้นสุดปี 2566 นั้น ล่าสุด ได้ทำเรื่องเสนอกระทรวงการคลังไปแล้ว ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า จำเป็นที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐจะต้องช่วยเหลือดูแลลูกค้าเงินกู้ โดยเฉพาะรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย จึงจำเป็นที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลังจะต้องขยายเวลาการลดอัตราการนำส่งเงินให้กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะได้รับคำตอบจากรัฐบาล

นอกจากนี้ ธอส. ยังมีการปรับปรุงรูปแบบธุรกิจรองรับพฤติกรรมลูกค้าหลังสถานการณ์ COVID-19 ด้วยการพัฒนาการให้บริการด้านดิจิทัล เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็น Digital Bank อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2565 ไม่ว่าจะเป็น Application : GHB ALL GEN : Generation ไหนก็ใช้ได้ แอปเดียวครบ จบทุกเรื่อง!Application ใหม่ของ ธอส. ที่พัฒนาต่อยอดจาก  Application : GHB ALL เพื่อให้มีความทันสมัย ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ Lifestyle แบบ New Normal ของลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย รวบรวมบริการสำคัญสำหรับลูกค้า ธอส. อาทิ การยื่นขอสินเชื่อ ชำระหนี้เงินกู้ ดูใบเสร็จ โอนเงิน เปิดบัญชี และซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. เป็นต้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบใช้งานจริงภายในเฟสที่ 1 กับพนักงานของธนาคารทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มเปิดให้ลูกค้าประชาชนสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป

รวมถึงดำเนิน โครงการจัดเก็บ Electronic File แทนเอกสารสิทธิ์ต้นฉบับ (ธนาคารไม่เก็บโฉนด) : โดยลูกค้าสามารถรับโฉนดที่ดินหรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุดฉบับจริงกลับบ้านได้ทันทีในวันที่ทำนิติกรรมการโอนและจดจำนองที่สำนักงานที่ดิน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเก็บโฉนดที่ดินหรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ฉบับจริงไว้กับตัวเองด้วยความภูมิใจและความสุขที่ได้มีบ้าน โดย ธอส. ถือเป็นธนาคารแห่งแรกที่จัดเก็บโฉนดที่ดินหรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุดในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แทนเอกสารสิทธิ์ต้นฉบับ ปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มสวัสดิการที่ทำนิติกรรมหลังวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ได้รับโฉนดตัวจริงกลับบ้านแล้วจำนวน 26,766 ราย และจะขยายสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไปที่ทำนิติกรรมกับธนาคารตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2565 เป็นต้นไป  

บริการโอนเงินกู้เข้าบัญชีเงินฝากผู้ประกอบการแทนการจัดทำแคชเชียร์เช็ค : บริการที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า โดยช่วยลดขั้นตอนและประหยัดเวลาให้กับผู้ขายสามารถรับเงินผ่านการโอนเงินเข้าบัญชีแทน โดยไม่ต้องเดินทางไปสาขาของธนาคารเพื่อนำแคชเชียร์เช็คที่ได้รับจากธนาคารไปขึ้นเงินเหมือนที่ผ่านมา โดยเริ่มดำเนินการเฟสแรกแล้วตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2565 โดยมีผู้กระกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมเพื่อรับเงินด้วยการโอนเงินแล้วจำนวน 22 บริษัท 76 โครงการทั่วประเทศ   

นายฉัตรชัย ย้ำว่า ในโอกาสครบรอบ 69 ปี ธอส. ยังได้เปิดตัว “พี่โฮม” ในฐานะ Virtual Influencer คนแรกของ ธอส. ชายหนุ่มอารมณ์ดี อบอุ่น ยิ้มง่าย ชอบศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะในเรื่องที่อยู่อาศัย การลงทุน และการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน พร้อมที่จะให้คำปรึกษา และมอบความช่วยเหลือให้กับทุกคนที่อยากมีบ้านด้วยความเต็มใจ เพราะเค้ารู้ดีว่าการมีบ้านคือความสุขของคนทุกคน โดยสามารถติดตาม “พี่โฮม” ได้ที่ช่องทางออนไลน์ของธนาคาร

สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL และ www.ghbank.co.th

อนึ่ง ธอส. ถือเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” และมีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านการปล่อยสินเชื่อให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4 ล้านครอบครัว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password