ธ.ก.ส. ชู ‘บุรีรัมย์โมเดล’ เติมทุนเงินกู้กัญชา 5 พันล. หนุนผลิตเพื่อการแพทย์

ธ.ก.ส. เติมทุน 5 พันล้านบาท หนุนสินเชื่อเพื่อการผลิตกัญชา ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ในการยกระดับมูลค่าผลผลิต และเพิ่มขีดความสามารถการในแข่งขัน ชู “บุรีรัมย์โมเดล” เป็นแบบอย่างในการปลูกและแปรรูปผลผลิตจากกัญชา พร้อมส่งต่อความรู้ด้านการปลูกพืชสมุนไพรเพื่อการแพทย์สู่วิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร ด้าน ปธ.วิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ เผย! ความต้องการของตลาดในพื้นที่มีสูงกว่ากำลังการผลิตมากถึง 3 เท่าตัว พร้อมสร้างโอกาสให้สมาชิกฯเต็มที่

ตัวแทน คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้การนำของ นายยุวพล วัตถุ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. พา คณะสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ลงพื้นที่เยี่ยมชม วิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ ซึ่งดำเนินงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรกัญชาและส่งจำหน่ายไปยังโรงพยาบาลนาโพธิ์และโรงพยาบาลคูเมือง เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยผ่านการแพทย์ทางเลือก โดยมีคณะผู้บริหาร พนักงานในพื้นที่และเกษตรกรสมาชิก โดยการนำของ นายรชนิกร โพธิกุล ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ ให้การต้อนรับ ณ วิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ ตำบล คูเมือง อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565

นายยุวพล เปิดเผยว่า จากการปลดล็อกพืชกัญชา-กัญชง เพื่อสนับสนุนการแพทย์ทางเลือกตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพร ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560 – 2565 ภายใต้การกำกับดูแลโดยกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศเหมาะสมในการปลูกกัญชา-กัญชงบางสายพันธุ์ โดยสามารถนำผลผลิตไปใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน อาทิ ช่อดอก เมล็ด เปลือกลำต้น และราก นอกจากนั้นยังสามารถต่อยอดการแปรรูปกัญชาไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น น้ำมันสกัด ยาแผนไทย ผลิตภัณฑ์สุขภาพ กระดาษ สิ่งทอ และวัตถุดิบในอาหาร/เครื่องดื่ม เป็นต้น โดยคาดว่า แนวโน้มมูลค่าตลาดกัญชาโลกจะเติบโตและขยายไปในหลายธุรกิจ ซึ่ง ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้วยการนำร่องเติมทุนสนับสนุนผู้ผลิตกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อการผลิตกัญชา วงเงินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท

สำหรับ คุณสมบัติผู้กู้ต้องเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคมและสหกรณ์การเกษตรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในการผลิตต้องไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และต้องผ่านการอบรมหลักสูตรการปลูกพืชกัญชา มีการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือและกำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษา มีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และดำเนินการผลิตด้วยเกษตรอินทรีย์ (Organic Farming) หรือการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operation Procedure : SOP) อัตราดอกเบี้ย MLR + ตามชั้นความเสี่ยง กรณีกู้เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการผลิต กำหนดระยะเวลาชำระคืนภายใน 12 เดือน พิเศษ ไม่เกิน 18 เดือน กรณีกู้เป็นค่าลงทุนในการผลิต กำหนดชำระคืนภายใน 5 ปี และกรณีเพื่อชำระหนี้สินเดิม (Refinance) จากการลงทุนสร้างโรงเรือนและมีหลักประกันจำนอง กำหนดชำระคืนภายใน 5 ปี ระยะเวลาโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2568

ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ อำเภอคูเมือง ซึ่งดำเนินธุรกิจในการปลูกกัญชา แปรรูปกัญชา นำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์กัญชา ทั้งในรูปแบบใบชา ยาแผนไทยและแผนปัจจุบัน ภายใต้ “บุรีรัมย์โมเดล” ร่วมกับโรงพยาบาลนาโพธิ์และโรงพยาบาลคูเมือง (Khumuang Hospital Medical Cannabis) ซึ่งเริ่มต้นจากการรวมกลุ่มของสมาชิกที่มีความสนใจและความรู้ในด้านการปลูกพืชสมุนไพรกว่า 50 คน โดยร่วมมือกับ ไร่อรุณฟาร์มที่เชี่ยวชาญในการปลูกเมล่อนแบบไร้สารพิษ ในการพัฒนาพื้นที่ไปสู่ศูนย์ผลิตสมุนไพรทางการแพทย์

โดย มีการปลูกกัญชาออร์แกนิคกว่า 4 สายพันธุ์ในระบบโรงเรือนแบบปิด รอบละ 120 ต้น สามารถเก็บผลผลิตได้ทุก 3 เดือน ได้ผลผลิตช่อดอก 15 กิโลกรัม และสามารถจำหน่ายได้กว่า 2,250,000 บาทต่อรอบ และการปลูกระบบ Green House รอบละ 120 ต้น เก็บผลผลิตได้ทุก 6 เดือน ได้ผลผลิตช่อดอก 30 กิโลกรัม และสามารถจำหน่ายได้กว่า 3,000,000 บาทต่อรอบ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อในการผลิตและการต่อยอดไปสู่การแปรรูปต่าง ๆ เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนได้เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดกัญชา ปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการผลิตกัญชาไปแล้วกว่า 7.1 ล้านบาท และคาดว่าตลาดพืชสมุนไพร ทั้งกัญชาและกัญชงจะเป็นความหวังและโอกาสใหม่ให้กับภาคเกษตรกรรมไทยไปสู่การยกระดับชีวิตเกษตรกรให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก BCG ต่อไป

ด้าน นายรชนิกร โพธิกุล กล่าวว่า ทางวิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ อำเภอคูเมือง ได้ดำเนินการปลูกกัญชาสายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพสูง และเหมาะสมที่จะนำมาเพาะปลูกต่อในพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้ดำเนินการมาประมาณ 3 ปี ทุนดำเนินการส่วนใหญ่เป็นการลงทุนร่วมกันของสมาชิกฯ และทางวิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ อำเภอคูเมือง ก็ได้ส่งมอบวัตถุดิบกัญชาให้กับสมาชิกฯเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ หรือนำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันกัญชา น้ำผึ้งกัญชา ยาหม่องกัญชา เป็นต้น รวมถึงส่งมอบต้นพันธุ์เพื่อนำไปขายต่อให้กับผู้สนใจทั่วไป ซึ่งต้นทุนที่ส่งให้กับสมาชิกฯ สามารถจะสร้างรายได้และผลกำไรจากการลงทุนได้อย่างน่าพอใจ สำหรับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.ในช่วงแรก วิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ได้ทำการกู้ยืมจำนวน 700,000 บาท เพื่อนำไปสร้างระบบไฟฟ้าและแสงสว่างสำหรับการเพาะปลูกในโรงเรือน อันจะช่วยควบคุมคุณภาพกัญชาและป้องกันปัญหาแมลงศัตรูพืช

“เรามีพื้นที่สำหรับเพาะปลูกกัญชาสายพันธุ์คุณภาพจากต่างประเทศราว 4 ไร่เศษ แต่ใช้จริงในช่วงแรกประมาณ 1 งาน (100 ตารางวา) นั่นหมายความว่า เรายังมีพื้นที่สำหรับขยายการเพาะปลูกได้อีกมาก แต่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป และให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งปัจจุบันทางวิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ อำเภอคูเมือง สามารถสร้างผลผลิตกัญชาในแต่ละปีราว 100 กิโลกรัม ขณะที่ความต้องการของตลาดในพื้นที่นี้ มีมากถึงกว่า 3 เท่าตัว ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสอันดีของเราและสมาชิกฯ ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ ธ.ก.ส.ที่ได้จัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อการผลิตกัญชา วงเงินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท เชื่อว่าสินเชื่อดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา” ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตสมุนไพรเพื่อการแพทย์ อำเภอคูเมือง กล่าวสรุป.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password