สรรพสามิตโชว์บท ‘พี่ใหญ่’ ดึงอาเซียนร่วมขจัดลักลอบขนสินค้าเถื่อน พ่วงประสานหน่วยปราบในไทยกำหราบต้นทางโกง

อธิบดีกรมสรรพสามิต จ่อชงแนวคิดจัดตั้งศูนย์ปราบปราบสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ให้ “เพื่อนบ้านอาเซียน” นำไปเป็นต้นแบบ หวังบูรณาการร่วมปราบปรามการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าหนีภาษี พร้อมประสานหน่วยงานปราบปรามในประเทศจัดการแก๊งโกงภาษีตั้งแต่ต้นทาง เผย! ผลงานศูนย์ฯแห่งนี้ ทำงานแค่ไม่กี่เดือน โชว์จับกุมและขยายผลเครือข่ายใหญ่ระดับบิ๊กล็อตกว่า 2.5 แสนซอง ค่าปรับกว่า 247 ล้านบาท เบื้องต้นยังไม่พบเอี่ยวทุนจีนสีเทา ประกาศเดินหน้าสู่องค์กรดิจิทัล ตามยุทธศาสตร์ EASE EXCISE 

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมด้วย นายวิวัฒน์ เขาสกุล ที่ปรึกษา ด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต และว่าที่ ร.ต.ยงยุทธ ภูมิประเทศ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม ร่วมแถลงข่าวการเปิดตัวศูนย์ปราบปราบสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ และการจับกุมบุหรี่หนีภาษี โดยระบุว่า ปัจจุบันพบกลุ่มผู้กระทำผิดกฎหมายได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าหนีภาษี ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิตเองก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีและการดำเนินการ รวมถึงจัดเตรียมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จนนำไปสู่การจัดตั้ง ศูนย์ปราบปราบสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ และได้ดำเนินการในระยะแรกเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา

โดยเบื้องต้นเป็นการสืบค้นข้อมูลจากกลุ่มที่อยู่ในข่ายว่าจะกระทำความผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้น ได้ประสานงานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ เป็นต้น  เพื่อดำเนินการจับกุมและขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง โดยมีแผนจะขยายการดำเนินงานไปถึงการสืบสวนสอบสวนและการจับกุมในอนาคตอันใกล้ เบื้องต้นยังไม่พบเครือข่ายผู้กระทำผิดอยู่นอกประเทศ รวมถึงยังไม่พบความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ตกเป็นข่าวในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดี กลุ่มทุนจีนสีเทา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานขอความร่วมมือมายังกรมสรรพาสามิต เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปทำงานร่วมกันอยู่แล้ว

นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังจะประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานสรรพสามิตของประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน โดยเตรียมจะนำแนวคิดการจัดตั้ง ศูนย์ปราบปราบสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ ไปนำเสนอ ทั้งนี้ เพื่อจะได้ประสานงานและบูรณาการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดระหว่างประเทศ เนื่องจากบางส่วนของสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบุหรี่และสุรา มีการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้

“ทุกวันนี้ มีหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่คล้ายกับกรมสรรพสามิต ได้นำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไปใช้ในการป้องกันและปราบปราม รวมถึงขยายผลการทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว หากทุกหน่วยงานในประเทศได้มีการประสานงานและบูรณาการร่วมกัน เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสรรพสามิต และการกระทำความผิดอื่นๆ ซึ่งกรมสรรพสามิตจะได้ประสานงานในโอกาสต่อไป ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิตเอง ก็มีแนวทางที่จะนำเสนอแนวคิดในการยกระดับและนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปแนะนำให้กับสรรพสามิตของประเทศเพื่อนบ้านที่เรามีคอนเน็กชั่นและประสานการทำงานร่วมกันอยู่ก่อนแล้ว เพื่อยกระดับการดำเนินงานร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี ทั้งที่นำเข้าไทยและส่งออกจากไทยเช่นกัน คาดว่าการประสานงานในเรื่องดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปีหน้า” อธิบดีกรมสรรพสามิต ย้ำ

สำหรับการจับกุมบุหรี่หนีภาษีผ่านการดำเนินงานของ ศูนย์ปราบปราบสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ ที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายฯ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ค้าขายและจ่ายภาษีอย่างสุจริตให้ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงยังเป็นการดูแลผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยและได้สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งนี้ จากการที่ได้มอบหมายให้ ติดตามจับกุมการจำหน่ายบุหรี่ภาษีในเขตพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้สามารถจับกุมบุหรี่ นีภาษีได้ จำนวนประมาณ 250,000 ซอง คิดเป็นค่าปรับ 247,289,842.50 บาท ประกอบด้วยบุหรี่ยี่ห้อ  ASK ME ,JONE BLACK ,QUEST ,ORIS ,L&M ,CANYON ,TEXAS ,ZOUK , และ 235 รวมทั้งสิ้น 9 ยี่ห้อ 

โดยที่ผ่านมาได้มีการติดตามและตรวจพบการจำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายทางช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงได้มอบหมายให้สำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์   ที่กรมสรรพสามิตตั้งขึ้นเพื่อรองรับลักษณะการกระทำผิดที่เปลี่ยนแปลงไป จากการขายตามหน้าร้านมาเป็น การขายทางออนไลน์ ดำเนินการสืบสวนหาข่าวลงพื้นที่เพื่อติดตามจนทราบถึงแหล่งที่มา วิธีการจำหน่าย สถานที่เก็บสินค้า โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบป้องกัน และปราบปราม ดำเนินการล่อซื้อบุหรี่ผิดกฎหมาย จนทำให้ทราบถึงแหล่งที่ตั้งและสถานที่จำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายที่จับกุมได้ในครั้งนี้ 

สำหรับผลการปราบปรามยาสูบในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564  ถึง วันที่ 30 กันยายน 2565 พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 9,398 คดี สูงกว่าปีก่อน จำนวน 2,274 คดี หรือร้อยละ 31.92 คิดเป็นค่าปรับ 1,610,838,179.54 บาท สูงกว่าปีก่อน คิดเป็นค่าปรับ 492,832,249.61 บาท หรือร้อยละ 44.08 โดยมีของกลางยาสูบ จำนวน 4,053,554 ซอง สูงกว่าปีก่อน จำนวน 2,566,047.00 ซอง หรือร้อยละ172.51

“ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการปราบปราบและจับกุมการกระทำความผิดสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของกรมสรรพสามิตผ่านทางช่องทางออนไลน์ที่ผ่านมานั้น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกรมฯ ในการบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และช่วยดูแลผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน รวมถึงการมุ่งพัฒนาระบบการทำงานให้ได้มาตรฐานสากล นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ พร้อมมุ่งสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลที่มีมาตรฐานสากล ตามยุทธศาสตร์ EASE Excise ที่กรมสรรพสามิตจะเดินหน้าเพื่อยกระดับองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวทิ้งท้าย

หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิต จะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password