‘เฮียชู’ แฉแรง! 3 นายพลกากีเพื่อนโจ๊กร่วมก๊วนแปลงวีซ่าทุนจีนสีเทา

“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” รุกแฉแรง! รอบนี้ถาม “ผู้มีอำนาจ” ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล ปมเปลี่ยนวีซ่ากลุ่มทุนจีนสีเทา หลังเปิดข้อมูลลับ 3 บิ๊กตำรวจ สตม. ระดับ “นายพล” เพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 ของ “บิ๊กโจ๊ก”  อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ วอน ผบ.ตร. ลงมือจัดการขั้นเด็ดขาด หวั่นเรื่องเงียบหายอีก

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดเผยถึงกระบวนการจัดทำวีซ่าให้กับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นการเมืองแต่ตนอยากตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจที่อยู่ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาลถึงเรื่องที่ตนนำมาเปิดเผย ซึ่งเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น โดยครั้งนี้จะเน้นไปที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เป็นจุดเริ่มต้นด่านแรก

ทั้งนี้ พบว่า กลุ่มทุนจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อเข้ามาในประเทศไทยจะได้วีซ่านักท่องเที่ยว สามารถอยู่ในประเทศ 30 วัน ดังนั้น การเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรืออาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จึงติดต่อผ่านคนกลางที่มีทั้งรูปแบบสำนักงานกฎหมายชาวจีนที่ว่าจ้างคนไทย และรูปแบบบุคคล เพื่อไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิบางแห่งใน จ.ภาคอีสาน เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ในการเปลี่ยนวีซ่าดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายรายละ 1-3 แสนบาท  โดยที่ผู้ที่มีอำนาจในการขออนุมัติเปลี่ยนวีซ่านั้น ต้องเป็นระดับผู้บังคับการขึ้นไป และพบว่าในปี 2563-2564 มีการอนุมัติให้ผู้เปลี่ยนประเภทวีซ่าแล้วกว่า 3,325 ราย ซึ่ง นายชูวิทย์ ระบุว่า นายตำรวจที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับการแปลงวีซ่า มียศระดับ พล.ต.ต.ถึง 3 นาย เป็นอดีต ผบก.ตม.4 และ ตม.5 โดยมี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) 47 กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดังนั้น ข้อมูลที่ตนนำมาเปิดเผย อยากให้ ผบ.ตร.ต้องจัดการให้เด็ดขาด เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ต้องเงียบไปอีก.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password