ศึกศักดิ์ศรี! คดีเรียกเก็บส่วยสถานบันเทิงเมืองนนทบุรี เผย! ดต.และเพื่อนแจ้งความกลับทีม ฉก.ของกรมการปกครองหลังได้รับประกันตัววงเงิน 1 ล้านบาท ข้อหา

กรณี ด.ต. ภูวเมศร์ หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก .ทท.3 ถูกเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ภายใต้การนำของ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว พร้อมด้วยนายมานัส สุขสอง อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หมู่ 6 ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่จังหวัดนนทบุรี ขณะตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในจังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่  7 กรกฎาคม 2565  โดยมีเงินสดของกลางจำนวน 1 แสนบาทที่มีการทำสัญลักษณ์ไว้ได้

พร้อมกับตั้งกล่าวหาเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และมีการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์จำนวน 1 ล้านบาทออกไปตั้งแต่เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 กรกฎาคม 2565

ล่าสุด ภายหลังได้รับการประกันตัว ดาบตำรวจภูวเนตร และนายมานัส ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ทันทีต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีกับ นายรณรงค์และชุดจับกุมจากฝ่ายปกครอง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ที่ระบุว่า ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาจับกุมไม่ชอบ และข้อหาปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือปรากฏว่าผิดกฎหมายใดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด จากนั้นทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับไปทันที.