‘ทิพยประกัน’ ในสปป.ลาว เนื้อหอม ทุนจีนจ้องซื้อ 20% จากสยามฯ

บี้กลุ่มทิพยฯซื้อเพิ่มหุ้นบริษัทลูกใน สปป.ลาว ด้าน “บิ๊ก’สยามอินเตอร์เนชั่นแนล” เผย! ฝั่งจีนจ่อซื้อหุ้นในมือ 20% แต่เจ้าตัวอยากให้ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทไทย เหตุเตรียมขยายปีกลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ ที่ส่อเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ หลังพิษโควิดฯเริ่มคลี่คลาย ย้ำ! หากตัดสินใจช้า อาจต้องตัดใจขายให้กลุ่มทุนแผ่นดินใหญ่

นายสยาม รามสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในปี 2566 หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 คลี่คลายลง บริษัทจึงทำให้มีแผนจะลงทุนรองรับการฟื้นตัว และเนื่องจากได้เข้าไปลงทุนหลายๆ ด้านในสปป. ลาว จึงมองเห็นโอกาสของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเพื่อนบ้านว่าจะฟื้นตัวและเติบโตได้ดี ถือเป็นจังหวะและโอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนเป็นอย่างมาก

ดังนั้น บริษัทจึงต้องเตรียมความพร้อมในการลงทุนไว้ล่วงหน้า โดยมีแผนจะขายเงินลงทุนในบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ใน สปป. ลาว เพื่อเปลี่ยนมาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง บริษัท ทิพยประกันภัย ในสปป. ลาว ถือเป็นบริษัทที่ตนเองได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่แรกในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ร่วมกับทางทิพย กรุ๊ป ของไทย ที่ต้องการขยายธุรกิจประกันมาในสปป.ลาว

บริษัททิพยประกันภัย จำกัด ที่จัดตั้งขึ้นใน สปป.ลาว ได้รับใบอนุญาตทั้งประเภทประกันวินาศภัยและประกันชีวิต ซึ่งผมเองได้ร่วมลงทุนด้วย 20% จากทุนจดทะเบียนทั้งหมด สำหรับบริษัทได้ดำเนินการมา 8 ปีแล้วจนถึงขณะนี้ โดย muj ผลประกอบการก็เป็นไปด้วยดี”  นายสยาม กล่าวและย้ำว่า

ตนเองต้องการขายเงินลงทุนในหุ้น 20%ของบริษัททิพยประกันภัยใน สปป.ลาว เนื่องจากเห็นว่า บริษัทนี้มีผู้ถือหุ้นทั้งหมดเดิมเป็นคนไทยและบริษัทไทย ดังนั้น จึงต้องการขายหุ้นดังกล่าวให้กับกลุ่มนักลงทุนไทย เพื่อที่บริษัทนี้จะได้เป็นของคนไทยต่อไปเหมือนกับเจตนารมณ์ตอนที่ตั้งบริษัทขึ้นมา

“ตอนนี้ทางผมก็ได้มีการเสนอไปทางทิพย กรุ๊ป แล้วว่า สนใจที่จะซื้อหุ้น 20% ในส่วนที่ผมถือ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มทิพย กรุ๊ป ถือหุ้นอยู่ 35% หากได้ไปอีก 20% ก็จะกลายเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถที่จะบริหารและผลักดันให้ธุรกิจทิพยประกันในสปป.ลาว เป็นไปในทิศทางที่ต้องการได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางทิพย กรุ๊ป ก็ได้รับทราบคำเสนอของผมแล้ว”

ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจากกลุ่มทุนจีน ที่ปัจจุบันมีการเข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว เป็นจำนวนมาก แสดงความสนใจที่จะซื้อหุ้นฯ ซึ่งตนก็รับไว้พิจารณา แม้จะยังรอคำตอบของทางทิพย กรุ๊ปอยู่ แต่ตนเองมีแผนที่จะไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า ดังนั้น สุดท้ายจึงต้องดูว่า เมื่อถึงเวลากลุ่มทุนไทยหรือกลุ่มทุนจีนจะให้คำตอบที่ชัดเจนก่อนกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องเลือกตัดสินใจขายให้กับกลุ่มที่มีความพร้อมก่อนนั่นเอง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password