“บิ๊กบอส” แสนสิริ แนะปรับ ครม. ให้เศรษฐกิจเดินหน้า ชี้ ธปท.ขึ้น “ดอกเบี้ย” ยิ่งซ้ำเติม

“บิ๊กบอส” บ. แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แนะ นายกฯ นำข้อมูลฝ่ายค้าน พิจารณาให้รอบคอบ และ ควรปรับ ครม.เพื่อให้ เศรษฐกิจดีขึ้นเ ตือน ธปท.ขึ้นดอกเบี้ย จะยิ่งซ้ำเติม ภาวะเงินเฟ้อ

วันที่ 24 ก.ค.2565 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาเป็นไปตามคาด แต่ว่ารัฐบาลก็ต้องมาพิจารณาว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาเสนอต่อที่ประชุมสภา มีข้อมูลอะไรที่เป็นสาระ มีความเป็นไปได้ในการที่จะต้องนำไปตรวจสอบต่อหรือจัดการต่อไป

สำหรับผลโหวตของรัฐมนตรีรายบุคคลคนแม้จะผ่านหมด แต่ไม่อยากให้นำคะแนนมาดูเป็นประเด็นหลักในการจะนำไปสู่การพิจารณาจะปรับหรือไม่ปรับคณะรัฐมนตรี ต้องนำเรื่องภาพใหญ่ของเศรษฐกิจมาเป็นประเด็นหลักในการพิจารณา เนื่องจากระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลอีก 7-8 เดือนนับจากนี้ จะทำอย่างไรเพื่อให้เศรษฐกิจมันดีขึ้นได้ และประเทศชาติจะได้เดินต่อไปมากกว่า

“หากเห็นว่ารัฐมนตรีคนไหน หรือกระทรวงไหนมีความบกพร่อง ถ้ามีการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีในรายกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งและทำให้เศรษฐกิจสามารถเดินไปข้างหน้าได้ ท่านนายกรัฐมนตรี ก็ควรจะพิจารณา เพราะถึงแม้อีก 7-8 เดือนข้างหน้า จะมีการเลือกตั้งใหม่และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่มันก็ยังเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานอยู่พอสมควร ควรถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเอาเศรษฐกิจนำการเมืองในการแก้ไขปัญหาประเทศ เพราะตอนนี้มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ข้าวยากหมากแพง คนมีรายได้น้อยลง หนี้ครัวเรือนสูง และอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องนำมาพิจารณาว่าจะปรับหรือไม่ปรับคณะรัฐมนตรี” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้อยากให้รัฐบาลเร่งแก้เรื่องปากท้อง ข้าวยากหมากแพง น้ำมันแพง ซึ่งน้ำมันแพงอย่างเดียวก็เป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าแพงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาอาหาร ค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนคอยอยู่ เรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจมันก็จบไปแล้ว แต่ว่าเศรษฐกิจของประเทศมันก็ต้องเดินหน้าต่อไป

ส่วนกรณีที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปว่า อย่างที่ตนเคยพูดไปว่าปัญหาของเงินเฟ้อที่มีอัตราค่อนข้างสูงเปรียบเทียบกับในอดีต มันเป็นเรื่องของต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมา ไม่ใช่เป็นเรื่องของดีมานด์ หรือ ความต้องการ ความสุรุ่ยสุร่าย เพราะฉะนั้นการขึ้นดอกเบี้ยก็เปรียบเสมือนเป็นการซ้ำเติมต่อต้นทุนการผลิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน

“แบงก์ชาติก็ต้องคำนึงให้ดีว่า ถ้าเกิดขึ้นดอกเบี้ยแล้วจะช่วยสกัดเงินเฟ้อจริงหรือเปล่า เพราะดอกเบี้ยก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งเหมือนกัน เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ประชาชนก็ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น ส่วนที่นำคำอธิบายมาบอกว่า ถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ย เงินจะไหลออก ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน ซึ่งค่าเงินบาทอ่อน ไม่ได้มีข้อเสียเสมอไป เพราะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ยิ่งหลังเปิดประเทศอย่างเต็มที่และโควิดได้กลายเป็นโรคประจำถิ่น ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วย” นายเศรษฐา กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password