ครม.อนุมัติ บขส.รุกธุรกิจ”ขนส่งสินค้า-พัสดุภัณฑ์” สร้างรายได้เพิ่ม

ครม.ไฟเขียว บขส.ขยายธุรกิจ ขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์สร้างรายได้เพิ่ม หลังจากที่รับส่งผู้โดยสารอย่างเดียว มีรายได้น้อยและไม่เพียงพอ เหตุได้รับผลกระทบจากคู่แข่ง จากสายการบินต้นทุนต่ำ และ คนนิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทาง

วันที่ 8 มิ.ย.2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบ การทบทวนมติครม.เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่อง การเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)รับภาระเดินเฉพาะรถโดยสาร เป็นให้ บขส.มีภารกิจด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อให้บขส.สามารถดำเนินกิจการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาและขยายธุรกิจให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและสามารถนำรายได้จากการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์มาชดเชยรายได้ จากธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางที่ลดลงได้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสภาพปัญหาในการดำเนินธุรกิจเดินรถประจำทาง ความต้องการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับองค์การรับส่งสินค้าแลพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.)ซึ่งรับภาระเดินเฉพาะรถขนส่งสินค้าจากบ้านถึงบ้าน(Door to Door) ได้ยุบเลิกไปแล้วในปี 2549 และยังไม่มีการมอบหมายให้หน่วยงานใดของรัฐดำเนินภารกิจดังกล่าวแทน ดังนั้นบขส.จึงได้เริ่มดำเนินธุรกิจรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เป็นธุรกิจเสริมเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เป็นหลัก ได้แก่ รถประจำทาง ศูนย์และสาขาในการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์บุคลากร และสถานีเดินรถซึ่งสามารถใช้เป็นจุดในการกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ทั่วไป หรือลักษณะเฉพาะ เช่น สินค้าทางการเกษตร โดยที่ผ่านมาบขส.มีรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงต้องขอทบทวนมติครม.ดังกล่าว เพื่อให้ภารกิจการดำเนินงานมีความชัดเจน และสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจเพื่อประโยชน์ขององค์กร

ทั้งนี้ บขส.ได้กำหนดกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์แบบ Door to Door ในระยะต่อไปดังนี้คือ ทำความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และผู้ประกอบการเอกชนในการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เพื่อขยายจุดกระจายสินค้า เพิ่มส่วนแบ่งตลาด และขยายฐานลูกค้า การกำหนดเส้นทางการบริการร่วมกันและพิจารณาขยายเส้นทางในปีต่อๆ ไป โดยในระยะแรกจะเป็นการขนส่งภายในประเทศ และจะมีการขยายไปสู่เส้นทางระหว่างประเทศต่อไป รวมทั้งพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการติดตามสินค้าและพัสดุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังจะคัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งรายย่อยในพื้นที่เพื่อร่วมบริการขนส่งแบบ Hub to Door ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกับการคัดเลือกรถร่วมบริการของร.ส.พ.

สำหรับในช่วงปี 2560-2564 บขส.มีรายได้จากการขนส่งพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยปีละ 149.32 ล้านบาท กำไรเฉลี่ย 63.17 ล้านบาท คิดเป็น 42.31% และคิดเป็นสัดส่วน 8.36% ของรายได้ทั้งหมด และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย คิดเป็น 5% ของตลาดธุรกิจดังกล่าว และช่วงที่ผ่าน มาบขส.ดำเนินธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางเป็นธุรกิจหลัก โดยได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของบริการทดแทน เช่น สายการบินต้นทุนต่ำ การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล การแข่งขันจากผู้ให้บริการภาคเอกชนรายอื่น สภาพเศรษฐกิจและสังคม และการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้ปัจจุบันบขส.มีปริมาณผู้โดยสารคงเหลือเพียง 10% ทำให้รายได้จากการให้บริการไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยในช่วงปี 2560-2564 บขส.มีรายได้เฉลี่ยจากการเดินรถโดยสารประจำทางปีละ 1,636 ล้านบาท แต่ยังคงมีพนักงานมากถึง 2,850 คน

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password