คลังชี้! จีดีพีโตปีละ 5% ที่เพิ่อไทยหาเสียง เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

ปลัดคลังเชื่อเศรษฐกิจไทยโตปีละ 5% ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน เหตุปัจจัยรอบด้านทั้งในและนอกประเทศเริ่มมีสัญญาณดี แถมนักท่องเที่ยวต่างชาติตบเท้าเข้าไทยอีกเพียบ ระบุ หากอีอีซีเดินเครื่องเต็มสูบ จีดีพีไทยโตก้าวกระโดนแน่ แต่ไม่ขอวิจารณ์เรื่องค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาทของพรรคเพื่อไทย ยืนยันหนุนเก็บภาษีซื้อขายหุ้นในตลาด เหตุต่างชาติก็เก็บกันอยู่ สำหรับเพิ่มทุนการบินไทย พร้อมเสมอเพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้

รณีพรรคเพื่อไทยกำหนดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจหากได้เป็นรัฐบาล โดยวางแผนยุทธศาสตร์ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” หนึ่งในนั้นมีแนวทางผลักดันอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศ เฉลี่ยที่ร้อยละ 5 ต่อปี เป็นอย่างต่ำตลอดอายุรัฐบาล 4 ปี (2566 – 2569)  

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากไม่มีปัจจัยลบทั้งจากโรคอุบัติใหม่และปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศเหมือนเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตนมั่นใจว่าจีดีพีไทยก็น่าจะเติบโตในอัตราดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันมีปัจจัยบวกหลายประการ ทั้งเรื่องการคลายตัวของไวรัสโควิดฯ การท่องเที่ยวของต่างชาติ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีการลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ยิ่งจะทำให้จีดีพีของไทยเติบโตในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ร้อยละ 5 ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ส่วนนโยบายการปรับขึ้นอัตราการจ้างงานวันละ 600 บาทของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว  

สำหรับการจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น ขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นการพิจารณาของกฤษฎีกา ส่วนตัวเห็นพ้องตามที่ รมว.คลังได้แสดงความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศก็มีการจัดเก็บภาษีจากกำไรส่วนต่างของการลงทุน (แคปปิตอล เกน) โดยคิดเป็นทรานเซ็คชั่น (การทำธุรกกรรมนั้นๆ) ไม่สนใจว่าผลการซื้อขายกำไรหรือขาดทุน ซึ่งในต่างประเทศก็มีการจัดเก็บภาษีดังกล่าวอยู่แล้ว.

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวการเพิ่มทุนของ บมจ.การบินไทย ว่า เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เนื่องจากรายได้และสถานะการเงินของการบินไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ในส่วนของภาครัฐที่ถือหุ้นอยู่ในการบินไทยนั้น เมื่อจะต้องเพิ่มทุนก็จะต้องเพิ่มในสัดส่วนเดิม เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นตามมติ ครม.ก่อนหน้านี้ ในส่วนของกระทรวงการคลังก็คงจะต้องมาดูกันว่าจะเพิ่มในนามของกองทุนวายุภักดิ์หรือกระทรวงการคลังในระดับใด แต่ในส่วนของธนาคารออมสิน คงต้องขึ้นกับการพิจารณาของบอร์ดธนาคารเอง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password