คลังชี้! กว่า 2 ล.ราย ใช้สิทธิแรกคนละครึ่งไม่ทัน ส่วนลงทะเบียนบัตรสวัสดิการไม่ได้ รอเช็คอีกที ม.ค.ปีหน้า

โฆษกคลัง ระบุ! วันสุดท้ายใช้สิทธิครั้งแรกคนละครึ่งเฟส 5 พบผู้ใช้สิทธิรวม 24 ล้านคน หลุดจากเหตุไม่ใช้สิทธิครั้งแรก 2 ล้านคนเศษ เผย! ใช้จ่ายเต็มวงเงิน 800 บาทเพียง 36% ด้านภาพรวมมาตรการรักษาระดับการบริโภคในประเทศระยะที่ 2 ทั้ง 3 โครงการมีผู้ใช้สิทธิ 38.21 ล้านคน ยอดใช้จ่ายเงินรวมเฉียด 4 หมื่นล้านบาท เป็นของคนละครึ่งมากสุด 34 ล้านบาท ขณะที่ ความคืบหน้าลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยอดรวมถึงเที่ยง 17 ต.ค. มีลงทะเบียนแล้ว 21.5 ล้านราย ผ่านเว็บไซต์เกือบ 10  ล้านราย ย้ำ! ส่วนกลุ่มที่สถานะลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ เหตุข้อมูลไม่ตรงกับกรมการปกครอง มหาดไทย โปรดรอผลตรวจสอบคุณสมบัติอีกทีช่วง ม.ค.65

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 เป็นวันสุดท้ายของการใช้สิทธิครั้งแรกสำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนรอบสิทธิคงเหลือของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ซึ่ง ณ สิ้นวันดังกล่าวมีประชาชนที่ลงทะเบียนรอบสิทธิคงเหลือและใช้สิทธิครั้งแรกตามระยะเวลาที่กำหนดจำนวน 622,225 คน จากจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนรอบสิทธิคงเหลือสำเร็จทั้งสิ้น 822,188 คน ทำให้ในภาพรวมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ได้รับสิทธิโครงการและใช้จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนดจำนวน 24.02 ล้านคน จากจำนวนสิทธิโครงการทั้งสิ้น 26.5   ล้านคน โดยในจำนวน 24.02 ล้านคน มีประชาชนที่ใช้สิทธิครบวงเงินโครงการ 800 บาทแล้ว จำนวน 8.75  ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 36 ของผู้ได้รับสิทธิโครงการและใช้จ่ายภายในระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับ ความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 นั้น โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 38.21 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 39,681.56 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 13.13 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 4,999.89 ล้านบาท

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 1.06 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 371.44 ล้านบาท

3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 24.02 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 34,310.23 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 17,461.66 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 16,848.57 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 14,332.40 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 6,920.71 ล้านบาท ร้าน OTOP 1,633.92 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 10,829.13 ล้านบาท ร้านบริการ 550.82 ล้านบาท และกิจการขนส่ง 43.25 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้วจำนวน 9.67 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.28 หมื่นราย

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สามารถใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่องต่อไปจนถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 22.59 น. ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยขอเชิญชวนให้ประชาชนเร่งใช้สิทธิให้ครบวงเงินโครงการ 800 บาท ภายในระยะเวลาที่กำหนด

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่  5 กันยายน – 17 ตุลาคม 2565 ณ เวลา 12.00 น. ว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 21,526,830 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 9,853,518 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 11,673,312 ราย ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั่วประเทศ ซึ่งจำนวนผู้ลงทะเบียนข้างต้นเป็นเพียงจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เท่านั้น โดยการเป็นผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ อีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ การลงทะเบียนตามโครงการฯ เป็นการลงทะเบียนรายบุคคล (ผู้ลงทะเบียน) แต่การตรวจสอบจะตรวจสอบทั้งรายบุคคลและสมาชิกในครอบครัว โดยขั้นตอนแรกจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ (เกณฑ์บุคคล) หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลโดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกณฑ์ครอบครัว (ในกรณีที่มีคู่สมรสหรือบุตร) ซึ่งหากพบว่า ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ครอบครัวจะถือว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติและผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 เป็นการประกาศผล “สถานะการลงทะเบียน” ของโครงการฯ โดยเป็นข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 5 กันยายน – 6 ตุลาคม 2565 พบว่าผู้ที่ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” มีจำนวนทั้งสิ้น 18,337,463 ราย และเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครองแล้ว พบว่า มีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 16,766,528 ราย โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวเมื่อตรวจสอบสถานการณ์ลงทะเบียนจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์”

ซึ่งผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ในช่วงนี้ โดยขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในช่วงเดือนมกราคม 2566 และผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครองมีจำนวนทั้งสิ้น 1,570,935 ราย

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เช่น จำนวนบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมากกว่าข้อมูลบุตรที่ลงทะเบียนไว้ เป็นต้น ให้ติดต่อแก้ไข โดยหากเป็นผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้เท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2565.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password