จี้รัฐกระชากน้ำหวานสู่จุดเดิม หลังลักไก่ขึ้นราคาล่วงหน้า เหตุ ครม.ชะลอขึ้นภาษีความหวาน

ครม. เห็นชอบขยายเวลาขึ้นอัตราภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3  ออกไปอีก 6 เดือน หวังบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน เผย! เครื่องดื่มให้ความหวานหลายตัวชิงปรับขึ้นราคาล่วงหน้าไปแล้วเกือบ 20% จี้! หน่วยงานรัฐ เร่งตรวจสอบ พร้อมกับกระชากราคาขายลงมาสู่ระดับปกติโดยเร็ว

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 ได้เห็นชอบขยายเวลาปรับขึ้นอัตราภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3 ออกไปอีกเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 31 มีนาคม 2566  เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในปัจจุบัน รวมถึงช่วยให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มมีระยะเวลาในการปรับตัวเพื่อรองรับการปรับขึ้นอัตราภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3 ต่อไป

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้เริ่มจัดเก็บภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลในสินค้าเครื่องดื่มตั้งแต่ปี 2560 เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีการปรับสูตรลดปริมาณน้ำตาลเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชนมาโดยตลอด โดยมีการกำหนดโครงสร้างภาษีในอัตราแบบขั้นบันได ระยะที่ 1 ในวันที่ 16 กันยายน 2560 ถึง  30 กันยายน 2562 ระยะที่ 2 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2564 ระยะที่ 3 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2566 ต่อมาได้มีการขยายเวลาการปรับขึ้นอัตราภาษีระยะที่ 3 ออกไป 1 ปี จากวันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2565 แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน หากมีการปรับขึ้นภาษีตามกำหนดเวลาเดิม อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เนื่องจากผู้ประกอบการอาจดำเนินการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ กรมสรรพสามิต   จึงเสนอขยายเวลาการขึ้นอัตราภาษีความหวานตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3 ออกไปอีกเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 31 มีนาคม 2566

ด้าน ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเสริมว่า  การดำเนินการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตความหวานตามปริมาณน้ำตาลตามที่กำหนดไว้นั้น นอกจากจะเป็นแนวทางด้านสาธารณสุขในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ ยังถือได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิตที่มุ่งหวังจะเป็นกลไกสำคัญในการวางรากฐานสังคมและสนับสนุนให้ประชาชนในประเทศ มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพ เพื่อเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนและประเทศชาติสืบไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ สินค้าที่มีความหวานหลายผลิตภัณฑ์และหลายแบรนด์ต่างทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าล่วงหน้าก่อนที่รัฐบาลจะประกาศใช้อัตราภาษีความหวานฯใหม่ เช่น น้ำหวานเฮลบลูบอยจากปกติที่เคยขายในราคาขวดละ 53-55 บาท ได้ปรับราคาขายไปอยู่ที่ระดับราคาขวดละ 63-65 บาท โดยปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยขวดละ 10 บาทหรือเกือบ 20% ซึ่งก็ไม่ต่างกับผลิตภัณฑ์ที่ให้ความหวานอื่นๆ ที่ได้ปรับราคาขายไปก่อนหน้าจะมีการประกาศขึ้นภาษีความหวานอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ชะลอการขึ้นภาษีความหวานออกไปอีก 1 ปี ก็ควรที่เจ้าผลิตภัณฑ์ความหวานที่ได้ปรับขึ้นราคาไปแล้ว จะต้องปรับลดราคาขายลงมาให้อยู่ในระดับราคาก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ก็ควรจะตรวจสอบราคาของผลิตภัณฑ์ที่ให้ความหวานทุกแบรนด์ว่ายังทำการปรับขึ้นราคา โดยอิงกับอัตราภาษีความหวานอยู่หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อไม่เป็นการซ้ำเติมปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยและค่าครองชีพที่สูงขึ้นของประชาชน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password