เช็คยอดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯผ่าน 4 ล.คนเศษ ส่วน 3 โครงการรัฐใช้จ่ายยอดรวมเฉียด 2.4 หมื่นลบ.

โฆษกคลังแจงข้อมูลสถานะลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯสัปดาห์แรก (5 – 8 ก.ย.) ชี้! ลงทะเบียนได้แล้ว 5.24 ล้านคน แต่เช็คข้อมูลผ่านกรมการปกครองรอดแค่ 4.28 ล้านคน ส่วนกลุ่มลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ เหตุจาก 9 ปัจจัย ใครสงสัยเช็คด่วน! ส่วนความคืบหน้า 3 โครงการรัฐ “เพิ่มกำลังซื้อ” ในประเทศ พบยอดใช้สิทธิรวม 36.43 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสมเฉียด 2.4 หมื่นล้านบาท เฉพาะคนละครึ่งเฟส 5 มีผู้ใช้สิทธิกว่า 23 ล้านคน วงเงินรวมเกิน 2.1 หมื่นล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการประกาศผล “สถานะการลงทะเบียน” ของโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ในวันที่ 16 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นวันแรก โดยข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 5 – 8 กันยายน 2565 พบว่า ผู้ที่ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” มีจำนวนทั้งสิ้น 5,246,699 ราย และเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครองแล้วพบว่า มีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 4,282,429 ราย โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ซึ่งผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ในช่วงนี้ โดยขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติดังกล่าวในช่วงเดือนมกราคม 2566

ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทะเบียนอีก 964,270 ราย ที่พบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ระบบจะขึ้นข้อความแสดงโดยระบุสาเหตุของการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ ดังนี้

1) ผู้ลงทะเบียนเป็นพระภิกษุ/สามเณร/แม่ชี

2) ไม่พบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน

3) สถานภาพบุคคลของผู้ลงทะเบียนไม่ถูกต้อง มีสถานะเสียชีวิต หรือย้ายไปต่างประเทศ หรือจำหน่าย

4) ผู้ลงทะเบียนไม่ได้มีสัญชาติไทย

5) ผู้ลงทะเบียนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือรูปแบบวันเดือนปีเกิดไม่ถูกต้อง

6) ผู้ลงทะเบียนมีคู่สมรส

7) ผู้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลคู่สมรสไม่ถูกต้อง

8) ผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรครบถ้วน แต่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของบุตรไม่ถูกต้อง

9) ผู้ลงทะเบียนแจ้งจำนวนบุตรไม่ครบถ้วน โปรดตรวจสอบจำนวนบุตรและข้อมูลเลขบัตรประชาชนของบุตรทุกราย

ทั้งนี้ สำหรับกรณีผู้ลงทะเบียนตรวจสอบสถานะแล้วพบว่า “การลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากตรวจสอบกับฐานข้อมูลของกรมการปกครองแล้วพบว่า “ผู้ลงทะเบียนมีคู่สมรส” แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าคู่สมรสของผู้ลงทะเบียนเสียชีวิต และมีใบมรณะบัตรของคู่สมรสแล้วนั้น ขอให้ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนอีกครั้งในวันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 ตั้งแต่ 6.00 น. เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดี สำหรับ ผู้ลงทะเบียนที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” กรณีอื่น ๆ สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เช่น จำนวนบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมากกว่าข้อมูลบุตรที่ลงทะเบียนไว้ กรณีดังกล่าว หากเป็นผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้เท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน 2565

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 9 – 15 กันยายน 2565 และมีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” สามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ใน วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์หรือให้หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบโดยกรอกหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิด

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 ณ เวลา 9.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 13,330,171 ราย แยกเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 8,480,032 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 4,850,139 ราย ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง คือ 1) ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือ 2) ลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย   สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน ได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2565

สำหรับการลงทะเบียนในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่สาขาของธนาคารข้างต้นที่เปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้ในวันธรรมดา

“ผู้ลงทะเบียนทุกคนที่ได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ลงทะเบียน “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ได้ในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนดังกล่าวได้ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือตรวจสอบผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยงาน” โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำ

นอกจากนี้ นายพรชัย ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โดยจากข้อมูลสะสม ณ วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. พบว่า มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 36.43 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 23,934.5 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 12.15 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 2,422.5 ล้านบาท

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 874,638 คน และมียอดใช้จ่ายสะสม 174.0 ล้านบาท

3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายเดิมที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายเดิมฯ) จำนวน 23.24 ล้านคน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 21,192.1 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายใหม่ฯ) จำนวน 1.58 แสนคน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 145.9 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 23.40 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 21,338.0 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็น เงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 10,817.0 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 10,521.0 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 8,299.0 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 4,650.0 ล้านบาท ร้าน OTOP 1,061.0 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 6,968.0 ล้านบาท ร้านบริการ 339.0 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 21.0 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้วจำนวน 9.48 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.04 หมื่นราย

ทั้งนี้ การใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดใช้จ่ายสะสมของร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มียอดใช้จ่ายสะสม 692.6 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 356.6 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 336.0 ล้านบาท โดยใช้จ่ายกับผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มจำนวน 7.90 หมื่นราย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password