ลงทะเบียนบัตรคนจนวันแรกสุดคึก! ยอดทะลุ 1.8 ล.คน ส่วนคนละครึ่งวงเงินใช้จ่ายไม่ปัง!

สุดคึก! เปิดลงทะเบียนวันแรก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี’65” คนไทยทั่วประเทศแห่ลงทะเบียนทั้งตรงและออนไลน์เพียบ ด้าน “โฆษกคลัง” แจงตัวเลขช่วงบ่ายสาม พบยอดรวมกว่า 1.86 ล้านคน แบ่งเป็นผ่านเว็บไซต์ 1.61 ล้านคน ผ่าน “7 หน่วยรับลงทะเบียน” อีกเกือบ 2.5 แสนคน ด้านยอดใช้จ่ายสะสม “3 โครงการรัฐ” ณ 4 ก.ย. ยอดผู้ใช้สิทธิรวมเฉียด 24 ล้านคน วงเงินใช้จ่ายมากกว่า 7.7 พันล้านบาท ขณะที่ ยอดคนละครึ่งเฟส 5 มีผู้ใช้สิทธิ์แค่ 14 ล้านคน เม็ดเงินหมุนเวียนเพียง 5.88 พันล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่เริ่มเปิดรับลงทะเบียนวันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นวันแรก ผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. และหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา ตามเวลาที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเปิดทำการในช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า ณ เวลา 15.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนทั้งสิ้นแล้ว 1,862,622 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 1,613,926 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 248,696 ราย

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง คือ 1) ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ที่เปิดให้ลงทะเบียนเวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือ 2) ลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน ได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ดำเนินการได้ ดังนี้

1.1 กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นคนโสดหรือไม่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์โดยไม่ต้องนำเอกสารไปยื่นที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ทั้งนี้ การกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มในเว็บไซต์จะต้องใช้ข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนในการกรอกข้อมูล และข้อมูลอื่น ๆ ที่กำหนด เมื่อลงทะเบียนตามขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้วระบบจะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” ขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้ามาตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์อีกครั้ง โดยกดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

1.2 กรณีผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์แล้วจะต้องพิมพ์แบบฟอร์มลงทะเบียนที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อ ในกรณีที่คู่สมรสและบุตรที่ไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียนด้วย อย่างไรก็ดี ในกรณีคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน 

2. กรณีที่ผู้ลงทะเบียนสะดวกลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียนจะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน  รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน อย่างไรก็ดี ในกรณีคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน 

3. ผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ หนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย โดยการเปิดรับลงทะเบียนในครั้งนี้จะจัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยจะเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ในการลงทะเบียน

หลังจากลงทะเบียนตามข้อ 1 2 และ 3 แล้ว ผู้ลงทะเบียนสามารถ “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป หากตรวจสอบแล้ว พบว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ให้ผู้ลงทะเบียนรอผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งวันประกาศผลให้ทราบอีกครั้ง หากผู้ลงทะเบียนพบว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนหรือข้อมูลสมาชิกในครอบครัวไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นคนโสดหรือไม่มีครอบครัวสามารถลงทะเบียนใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ โดยกดปุ่ม “เริ่มลงทะเบียน” กรณีผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัวสามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มไว้

โฆษกกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่า ผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกช่องทางการลงทะเบียนได้ตามที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก ได้แก่ 1) ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ หรือ 2) ลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน กรณีที่ผู้ลงทะเบียนเป็นคนโสดหรือไม่มีครอบครัวสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์โดยไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน แต่กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัวหรือผู้ลงทะเบียนที่ไม่มีครอบครัวแต่ประสงค์จะลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน สามารถไปที่หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน

“กล่าวโดยสรุป คือ “ผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะโสดสามารถดำเนินการลงทะเบียนแล้วเสร็จที่เว็บไซต์ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่หน่วยงานรับลงทะเบียน สำหรับผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัวจำจะต้องไปยื่นแบบฟอร์มการลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียน” ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนทุกคนที่ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถ “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือตรวจสอบผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยงานได้ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป”  โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ

ส่วนความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการ ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 นั้น นายพรชัย ย้ำว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. พบว่า มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 23.78 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น  7,779.5 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้ 

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 9.02 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 1,792.6 ล้านบาท 

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 514,716 คน และมียอดใช้จ่ายสะสม 101.8 ล้านบาท

3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายเดิมที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายเดิมฯ) จำนวน 14.14 ล้านคน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 5,841.3 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายใหม่ฯ) จำนวน 98,264 คน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 43.8 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 14.24 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 5,885.1 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 2,981.8 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 2,903.3 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 2,070.3 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 1,440.6 ล้านบาท ร้าน OTOP 317.1 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 1,961.7 ล้านบาท ร้านบริการ 91.9 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 3.5 ล้านบาท โดยมีประชาชนที่ได้รับสิทธิทั้งสิ้น 22.77 ล้านราย ซึ่งเป็นประชาชนรายเดิมฯ ที่ได้รับสิทธิจำนวน 22.56 ล้านราย สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้วจำนวน 8.68 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 1.51 หมื่นราย

ส่วน การใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มียอดใช้จ่ายสะสม 175.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 90.6 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 85.3 ล้านบาท ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ที่ขายอาหารและเครื่องดื่ม

ผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มมีจำนวน 7.55 หมื่นราย

โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ประชาชนรายเดิมฯ ที่ยังไม่ได้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สามารถกดยืนยันสิทธิผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 22.59 น. จนถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ได้จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัคร.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password