‘ประภาศ’ ลั่น! พร้อมนำธนารักษ์เซ็นสัญญาวงศ์สยามฯเดินหน้าท่อส่งน้ำอีอีซี

“ประภาศ คงเอียด” ชี้! หากไม่มีคำสั่งศาลให้ชะลอหรือคุ้มครอง ธนารักษ์พร้อมจรดปากกาเซ็นสัญญาระบบท่อส่งน้ำสายหลักโครงการอีอีซีกับกลุ่มวงศ์สยามฯ พร้อมเดินหน้าทันทีที่ คกก.สอบชุด “วิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย” ออกผลสอบ 20 พ.ค.นี้ ย้ำ! ยึดหลักการทำงาน “ข้อเท็จจริงอิงกฎหมาย” ไม่ทำตามใจหรือกระแสกดดันจากกลุ่มใด

นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าต่อ ประเด็นปัญหาในโครงการประมูลระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (พื้นที่อีอีซี) ที่มีการชะลอการเซ็นสัญญากับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลฯในวงเงินมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ว่า ตนได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธานฯ ไปโดยละเอียดแล้ว ซึ่งประธานฯและกมธ.ชุดดังกล่าว ต่างเข้าใจถึงข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีแล้วอีกทั้งยังจัดส่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงไปชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ที่มีนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน แล้วเช่นกัน ซึ่งในส่วน การตรวจสอบเป็นการภายในของกระทรวงการคลัง ตามที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมานั้น แล้วเสร็จเมื่อใด โดยมีข้อสรุปที่ไม่เป็นผลเสียต่อการดำเนินโครงการฯ กรมธนารักษ์ก็พร้อมจะดำเนินการเซ็นสัญญาต่อในทันที พร้อมย้ำว่า “ยิ่งมีการเซ็นสัญญาได้เร็วมากเท่าใด กรมธนารักษ์ก็จะส่งเงินให้กับแผ่นดินได้เร็วมากเท่านั้น”

หากเลือกตามใจคนบางกลุ่ม หรือตามที่มีกระแสกดดัน โดยไม่ยึดหลักการของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว เราจะอยู่กันอย่างไร ผมได้ชี้แจงไปแล้วทั้งต่อคณะกรรมาธิการฯ สื่อมวลชน รวมถึงส่งข้อมูลและข้อเท็จจริงให้กับทีมงานของท่านนายกรัฐมนตรีไปแล้วหลายครั้ง ยืนยันว่าแนวทางที่กรมธนารักษ์ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น อยู่บนหลักการและข้อกฎหมาย หากไม่ดำเนินการจะกลายเป็นการทำผิดในหลายๆ ข้อหา โดยเฉพาะ มาตรการ 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงอาจถูกเอกชนที่ชนะการประมูลมาอย่างถูกต้อง ฟ้องร้องดำเนินคดีตามมาได้ อธิบดีกรมธนารักษ์ ระบุและย้ำว่า การที่กรมธนารักษ์จะยกเลิกโครงการฯ มีอยู่ 2 แนวทาง คือ ศาลสั่งให้ชะลอโครงการฯ หรือมีคำสั่งคุ้มครองฯเท่านั้น ซึ่งจนถึงตอนนี้ ยั่งไม่มีคำสั่งเป็นอื่นแต่อย่างใด ส่วนการจะเปิดให้มีการประมูลใหม่ โดยยึดหลักการของ e-bidding หรือการประมูลออนไลน์นั้น ตนขอถามผู้ที่เสนอแนวคิดนี้ว่า จะมีหลักประกันใดยืนยันได้ว่าภาครัฐจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าที่ได้ในปัจจุบัน หากผลตอบแทนที่ภาครัฐได้มีน้อยกว่า ใครจะรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามกำหนดเวลาเดิมนั้น ภายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯชุดของนายวิจักษ์ จะต้องแล้วเสร็จและเสนอต่อนายอาคม เพื่อส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ จากท่าที่ของ ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย และกมธ.ศึกษาการจัดทำและการบริหารงบประมาณฯ ชุดของนายไชยา ที่ดูจะลดความเชี่อมั่นต่อแรงกดดันที่แสดงออกอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ ประกอบกับข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล” ได้รับไปก่อนหน้านี้แล้ว หากผลสอบของกระทรวงการคลังออกมาในลักษณะที่เป็นคุณต่อการดำเนินงานของกรมธนารักษ์ ก็มีแนวโน้มสูงว่าการเซ็นสัญญาระหว่างกรมธนารักษ์กับกลุ่มวงษ์สยามฯ จะต้องคืบหน้าไปอย่างแน่นอน เนื่องจากทุกอย่างดำเนินการภายใต้กรอบของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว

สำหรับประเด็นที่กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการฯขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง มีการตรวจสอบใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.ตรวจสอบทางกายภาพระบบท่อส่งน้ำ สถานีสูบน้ำ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการส่งมอบและรับมอบ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อการจัดทำระบบสาธารณูปโภคและหรือผู้ใช้น้ำ และ3.พิจารณาข้อมูลปริมาณน้ำที่ส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ เปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของท่อส่งน้ำว่ารายได้ที่นำส่งเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password