ทิสโก้ชี้ Fed ใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ฉุดเศรษฐกิจสู่ภาวะถดถอย

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ หวั่นธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537แถมคาด Fed จ่อขึ้นอีก 1.75% ในปีนี้ โดยทยอยขึ้นอีก 4 ครั้ง จะกลายเป็นสัญญาณเตือนฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย  

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)  เปิดเผยว่า หลังจาก Fed มีมติ 10 – 1 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% (75 bps) สู่ระดับ 1.50 – 1.75% นับเป็นการปรับขึ้นอัตรามากสุดนับตั้งแต่ปี 2537 เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ตรงตามคาดการณ์ของตลาด หลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤษภาคมออกมาเร่งตัวขึ้นสวนกับที่คาด ประกอบกับคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวของผู้บริโภคโดย U. of Michigan ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551  

อย่างไรก็ดี นาย Jerome Powell ประธาน Fed ระบุในแถลงการณ์หลังการประชุม ว่า มีความเป็นไปได้ว่าการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 26 – 27 กรกฎาคมนี้ อาจปรับดอกเบี้ยขึ้นในอัตรา 75 bps อีกครั้ง หรืออาจปรับขึ้นอีก 50 bps  โดยแนวโน้มของดอกเบี้ย (Dot Plot) ชี้ว่า Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นจนสู่ระดับ 3.25 – 3.50% ณ สิ้นปีนี้ หรือปรับขึ้นอีก 1.75% (175 bps) ซึ่งมีมุมมองเข้มงวดกว่าเดิมจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่คาดว่าจะปรับขึ้นไปแตะระดับ 1.75 – 2.00% เท่านั้น

สำหรับปี 2566 คาดว่า Fed จะปรับขึ้นแตะระดับ 3.5 – 3.75% และลดลงอยู่ที่ระดับ 3.25 – 3.5% ในปี 2567 โดยคาดการณ์ดอกเบี้ยระยะยาว (Longer-run Rate) ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.5% จากเดิม 2.4% ด้านประมาณการเงินเฟ้อ Fed ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ขึ้นสอดรับกับมุมมองดอกเบี้ยที่เข้มงวด (Hawkish) ขึ้นอย่างมาก โดยปรับเงินเฟ้อ PCE ปีนี้ขึ้นเป็น 5.2% จากเดิมเดือน มี.ค. ที่ 4.3% 

ขณะที่ นายคมศร ยังกล่าวอีกว่า  มุมมองจากสถานการณ์ข้างต้น TISCO ESU คาดว่า เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้ช้า เป็นแรงกดดันสำคัญให้ Fed ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดย Dot Plot ล่าสุดชี้ Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 1.75% (175 bps) ในปีนี้ สู่ระดับ 3.25 – 3.50%  ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับดังกล่าว ณ สิ้นปี ดำเนินการได้หลายแบบ แต่ TISCO ESU มองว่าเป็นไปได้สูงที่ Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นในอัตรา 0.75% (75 bps) ต่อเนื่องในการประชุมเดือนกรกฎาคมด้วย ก่อนที่จะลดลงเป็นอัตรา 0.50% (50 bps) ในการประชุมเดือนกันยายน และเป็นอัตราปกติที่ 0.25% (25 bps) ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม  

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เข้มงวดอย่างมากนับเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจให้ชะลอลงอย่างรวดเร็วจนอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ซึ่งต้องติดตามพัฒนาการตัวเลขเศรษฐกิจต่อจากนี้อย่างใกล้ชิด โดย Bloomberg Economics มองความเสี่ยงเกิด Recession ต้นปี 2567 มีโอกาสเพิ่มเป็น 72% จากเมษายนที่คาดว่าเพียง 45%.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password