รองโฆษก สตช. เผย! ผบ.ตร.กำชับเร่งทำคดี “ส.ต.ท.หญิง” ทำร้ายร่างการทหารหญิง อย่างตรงไปตรงมา ระบุ! พนักงานสอบสวนเดินหน้าสอบปากคำหนัก เตรียมแจ้งเพิ่มข้อหา พร้อมตั้ง คกก. เร่งตรวจสอบคุณวุฒิการศึกษาเข้ารับราชการตำรวจโดยเร็ว

คดีที่สะท้อนความเหลวแหลกของระบบอุปถัมภ์ “เส้นสาย” ในแวดวงข้าราชการไทย โดยเฉพาะภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพ โดยเฉพาะคดีที่ ตำรวจสันติบาลหญิง (ส.ต.ท.หญิง) ทำร้ายร่างกายทหารหญิงได้รับบาดเจ็บ ที่อยู่ในความสนใจของสังคมไทย ล่าสุด “รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ ว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ทาง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ได้สอบปากผู้เสียหายเพิ่มเติม รวมถึงสอบปากคำพยานไปแล้ว 5 ปาก  และได้ร่วมกับเจ้าพนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดราชบุรี จัดทำคำร้องให้กับผู้เสียหายเพื่อขอรับความช่วยเหลือตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยอยู่ระหว่างทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม รวมถึงทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และรอผลการตรวจสุขภาพจิตของผู้ต้องหาจากแพทย์  รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐานในพื้นที่เพื่อนำผลการตรวจมาประกอบสำนวนคดีตามขั้นตอนต่อไป โดยในส่วนของ สภ.ชะอำ จว.เพชรบุรี  พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก อยู่ระหว่างประสานผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงรอผลการตรวจร่างกายผู้เสียหายที่และผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบสำนวนคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

“ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข) ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน และป้องกันไม่ให้สังคมเกิดความสับสนและเสียรูปคดี ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้โปรดติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น”

สำหรับประเด็น วุฒิการศึกษาของผู้ต้องหาที่ใช้ในการเข้ารับราชการตำรวจ ที่สังคมได้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมนั้น ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอยู่ระหว่างดำเนินการตามกรอบระยะเวลาและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนการดำเนินคดีทางอาญานั้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งรัดทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม รอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์และผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ รวมถึงจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาตามความผิดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนและกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว  โดยจะดำเนินการดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้กรอบกฎหมายที่ได้ให้อำนาจไว้ ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร..