“เฮียบุ้ง” เจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่ สิงห์บุรี เปิดใจด้วยความเจ็บปวด ขาดทุนกว่าสองร้อยล้านบาท และ ทำคนเลี้ยงหมูทั่วไทย เสียหายนับแสนล้าน หลังโรคอหิวาต์หมูระบาด เรียกร้องอธิบดีกรมปศุสัตว์ แสดงความรับผิดชอบ

วันที่ 12 ม.ค.2565 นายพัฒนพงษ์ การุณยศิริ หรือ เฮียบุ๊ง เจ้าของบริษัทการุณฟาร์ม จำกัด เลขที่ 80 หมู่4 ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่ ที่ออกโรงตอบโต้ กรมปศุสัตว์ จากกรณีพบหมูติดโรค ASF ตายหลายหมื่นตัว จนสุดท้ายต้องปิดกิจการ พร้อมขุดเก็บซากส่งตรวจซ้ำเองเพื่อยืนยันว่า หมูที่ฟาร์มตายเพราะติดโรค ASF แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีหน่วยงานไหนรับฟังปัญหา ทำให้ต้องขาดทุนสองร้อยกว่าล้าน และอยากให้ฝ่ายรัฐบาล ออกมายอมรับความจริงและรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

“เฮียบุ้ง” เปิดเผยด้วยความเจ็บปวดว่า กรณีหมูเป็นโรคตายนี้ เป็นมาตั้งแต่ปลายปี 60 จนถึงปัจจุบัน ก็ประมาณ 4 – 5 ปี ก่อนหน้านี้หลายๆ คนหรือ แม้แต่ฝ่ายปศุสัตว์ต่างบอกว่าเป็น “ไข้หนังแดง” ซึ่งตนคิดว่า ดูจากอาการของหมูที่เป็นแล้วไม่น่าจะใช่ และโรคนี้เกิดระบาดพร้อมกันทั้งประเทศ ตัวยาที่รักษาเอาไม่อยู่ เพราะหมูมีไข้ขึ้นสูงมาก อุณหภูมิอยู่ที่ 43 องศา เลือดจะไปคั่งที่ผิวหนังจนเส้นเลือดแตก เครื่องในเสียหายหมด และติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จึงเชื่อว่าโรคระบาดที่เกิดไม่ใช่ “ไข้หนังแดง” น่าจะเป็นโรค อหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ AFS เพราะโรคนี้ตอนนั้นกำลังระบาดอยู่ในประเทศจีน แต่ว่าขณะนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ซึ่งกว่าความจริงจะเปิดเผย มันก็สายไปแล้ว คนทำฟาร์มหมูขาดทุนเสียหายกันเป็นแสนล้าน

นายพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในฟาร์มของตนเริ่มมีหมูป่วยตั้งแต่ 10 สิงหาคม และระบาดอย่างรวดเร็ว หมูตายทุกวัน มีประมาณสองหมื่นกว่าตัว รวมแล้วเสียหายกว่าสองร้อยล้านบาท ซึ่งก็ต้องทำลายทั้งหมด ทั้งขายทิ้งและขุดหลุมฝังพร้อมกันแทบจะไม่ทัน สำหรับสาเหตุการตายมีอยู่ 2 ข้อ สาเหตุแรกคือเกิดจากโรคระบาด ซึ่งเราไม่สามารถจะจัดการได้เพราะไม่มียารักษา

อีกประการคือความบกพร่องของกรมปศุสัตว์ คือการจะขายหมูข้ามเขตนั้นมันทำไม่ได้ ถ้าไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้าย กว่าจะอนุญาต กว่าจะเคลื่อนย้าย บางครั้งก็ติดปัญหา “ผมลงทุนตั้งหลายร้อยล้านบาท เพื่อรอใบอนุญาตใบเดียวในการขนย้ายแต่ละครั้ง นั่นก็คือความล้มเหลวของระบบกรมปศุสัตว์ในประเทศไทย ซึ่งทำให้หมูต้องขาดตลาด ราคาหมูจึงสูงขึ้น คนทำฟาร์มหมูขาดทุนทั่วประเทศเสียหายเป็นแสนล้าน แบบนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ และผมขอแนะนำให้อธิบดีกรมปศุสัตว์ลาออกทางเดียวเท่านั้น” เฮียบุ้ง กล่าว